วันนี้ (2 พ.ค.2568) CNN รายงาน กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า ทางการกำลังประเมินข้อเสนอจากสหรัฐฯ ที่ส่งผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อเริ่มเจรจาการค้า คำแถลงนี้สะท้อนท่าทีที่อ่อนลงของปักกิ่ง ที่ก่อนหน้านี้ยืนกรานต่อต้านสหรัฐฯ อย่างแข็งขัน ท่ามกลางความตึงเครียดจากสงครามภาษีของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเริ่มสงครามการค้าและกำหนดภาษีฝ่ายเดียว การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ต้องแสดงความจริงใจ โดยสหรัฐฯ ต้องยกเลิกภาษีที่กำหนดไว้ พร้อมย้ำจุดยืนของจีนว่า "พร้อมสู้หากถูกท้าทาย แต่ก็เปิดประตูสำหรับการเจรจา"
ทรัมป์กล่าวซ้ำ ๆ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า ทีมงานของเขากำลังเจรจากับจีนเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า แต่จีนปฏิเสธทุกครั้ง จนกระทั่งแถลงการณ์ล่าสุดที่แสดงถึงความเป็นไปได้ในการพูดคุย ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (1 เม.ย.2568) ว่า ภาษีของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ทำให้เกิดการสูญเสียงานและจีนเริ่มแสดงความสนใจเจรจา
เมื่อต้นเดือน เม.ย. ทรัมป์ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเป็นร้อยละ 145 สร้างความยากลำบากให้ธุรกิจจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นร้อยละ 125 ส่งผลให้การค้าระหว่าง 2 ชาติยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบหนัก
เศรษฐกิจจีนที่พึ่งพาการส่งออกและภาคการผลิตได้รับความเสียหายอย่างมาก รายงานระบุว่า ภาคโรงงานหดตัวในเดือน เม.ย. รวดเร็วที่สุดในรอบ 16 เดือน โรงงานหลายแห่งหยุดผลิตและเริ่มมองหาตลาดใหม่ เช่น ยุโรป ด้านสหรัฐฯ คาดว่าการนำเข้าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะลดลงอย่างน้อยร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะจากจีนที่อาจลดลงถึงร้อยละ 75-80 ตามการประเมินของ เจพี มอร์แกน
สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์แสดงท่าทีผ่อนคลาย โดยระบุว่าภาษีที่สูงลิ่วจะ "ลดลงอย่างมาก" และสัญญาว่าจะเจรจาด้วยความเป็นมิตรเพื่อเชิญชวน ปธน.สี จิ้นผิง เข้าสู่โต๊ะเจรจา อย่างไรก็ตาม จีนยืนยันว่าสหรัฐฯ ต้องยกเลิกภาษีทั้งหมดก่อนเริ่มพูดคุย กระทรวงการต่างประเทศจีนยังเผยแพร่วิดีโอบนสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่า จีนจะไม่ "ยอมจำนน" ต่อผู้นำที่ "รังแก" ของสหรัฐฯ
อ่านข่าวอื่น :
ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรีนำมาลัยไหว้ขอโทษ "อนุทิน" ปมแต่งตั้งคนจีนที่ปรึกษา