ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ทรัมป์" เปลี่ยนกฎสิทธิมนุษยชนสหรัฐฯ หันหลังให้ความหลากหลาย

ต่างประเทศ
3 พ.ค. 68
15:45
221
Logo Thai PBS
"ทรัมป์" เปลี่ยนกฎสิทธิมนุษยชนสหรัฐฯ หันหลังให้ความหลากหลาย
รัฐบาลทรัมป์เปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ ยกเลิกนโยบายความหลากหลาย (DEI) หยุดแก้ปัญหาความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ เน้นปกป้องศาสนาคริสต์และต้าน "ความตื่นรู้" นักประวัติศาสตร์เตือน นี่คือการถอยหลังด้านสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคฟื้นฟู

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ CNN รายงาน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเปลี่ยนนโยบายสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ โดยละทิ้งแนวคิดความหลากหลายและความเท่าเทียม (Diversity, Equity, Inclusion หรือ DEI) ที่เป็นหัวใจของกฎหมายสิทธิมนุษยชนมากว่า 60 ปี แทนที่ด้วยการเน้นปกป้องศาสนาคริสต์และต่อต้าน "อุดมการณ์ตื่นรู้" (Woke ideology) ซึ่งหมายถึงแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเพศ

การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกนักประวัติศาสตร์มองว่าเป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคฟื้นฟู (Reconstruction) หลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ

"กระทรวงยุติธรรม" จากปกป้องสิทธิสู่ต้านอคติต่อคริสเตียน

หน่วยงานสิทธิมนุษยชนของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งก่อตั้งจากกฎหมายสิทธิมนุษยชนปี 2500 เดิมมีหน้าที่ปกป้องสิทธิเลือกตั้งและความเท่าเทียมของทุกคน แต่ภายใต้การนำของ ฮาร์มีต ดิลลอน หัวหน้าคนใหม่ ภารกิจเปลี่ยนไป โดยมุ่งกำจัด "อคติต่อคริสเตียน การต่อต้านชาวยิว และอุดมการณ์ตื่นรู้" ดิลลอนเผยในรายการของ เกล็นน์ เบ็ก พิธีกรฝ่ายอนุรักษนิยมว่า ทนายความส่วนใหญ่ในหน่วยงาน ซึ่งเคยทำงานเพื่อความเท่าเทียม อาจลาออกพร้อมเงินชดเชยภายใน เดือน ก.ย.นี้

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีหลายคนรายงานผลการยกเลิกนโยบาย DEI ดังนี้

  • บรูค โรลลินส์ รัฐมนตรีเกษตร ระบุว่าได้ยกเลิกสัญญาที่แบ่งเงินตามเชื้อชาติ
  • ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคม ประกาศว่าโครงการที่มีนโยบาย DEI จะไม่ได้รับงบประมาณ
  • รัสเซล วอต ผู้อำนวยการสำนักบริหารและงบประมาณ เผยว่ารัฐบาลยกเลิกการชำระเงินจากข้อตกลงการเลือกปฏิบัติในชิคาโก
  • พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม กล่าวว่ารัฐบาลได้กำจัด DEI และประเด็นเพศสภาพออกจากกองทัพ พร้อมเปลี่ยนชื่อฐานทัพฟอร์ตเบนนิงและฟอร์ตแบรกก์ กลับไปใช้ชื่อนายพลจากยุคสัมพันธมิตร

นอกจากนี้ รัฐบาลทรัมป์ยังกดดันมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น ฮาร์วาร์ด ให้ยกเลิก DEI โดยขู่ตัดงบวิจัยวิทยาศาสตร์ ฮาร์วาร์ดเลือกต่อสู้ แต่สถาบันอื่นอาจยอมตาม

เลือกปฏิบัติชัดเจนต่อ "ผู้อพยพ"

ด้านนโยบายผู้อพยพ รัฐบาลทรัมป์เกือบหยุดรับผู้ลี้ภัยทั้งหมด แต่กลับเปิดรับชาวแอฟริกาใต้ผิวขาวที่อ้างว่าถูกเลือกปฏิบัติในประเทศของตน นโยบายนี้ถูกวิจารณ์ว่าแสดงถึงการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติอย่างชัดเจน

มาร์ค อัปเดกโกรฟ นักประวัติศาสตร์และ CEO ของมูลนิธิ LBJ เปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับยุคหลังสงครามกลางเมือง ที่ความก้าวหน้าจากการเลิกทาสถูกทำลายโดยลัทธิเหยียดผิวและกฎหมายจิม โครว์ อัปเดกโกรฟชี้ว่า การต้าน "ความตื่นรู้" ของทรัมป์เหมือนเป็นการอนุญาตให้ยอมรับการเหยียดเชื้อชาติ นอกจากนี้ การตัดงบโครงการสวัสดิการ เช่น เมดิเคด เงินช่วยเหลือการศึกษา (Pell Grants) และโครงการเฮดสตาร์ท จะยิ่งทำให้ความเท่าเทียมในสังคมสหรัฐฯ ลดลง

ถือเป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ที่สุดด้านสิทธิมนุษยชนนับตั้งแต่อเมริกาในยุคฟื้นฟู

ขณะที่รัฐบาลหยุดแก้ไขความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ ทรัมป์กลับเน้นปกป้องศาสนาคริสต์อย่างมาก โดยตั้งคณะทำงานนำโดย แพม บอนดี อัยการสูงสุด เพื่อกำจัด "อคติต่อคริสเตียนไ ในหน่วยงานรัฐ คณะทำงานนี้เริ่มประชุมเมื่อสัปดาห์นี้
ที่ศาลสูงสุด ซึ่งมีผู้พิพากษาคาทอลิกเป็นส่วนใหญ่ กำลังพิจารณาคดีเกี่ยวกับการแยกศาสนาจากรัฐ โดยถกว่างบภาษีควรใช้สนับสนุนโรงเรียนคาทอลิกในโอกลาโฮมาได้หรือไม่ ผู้พิพากษาอนุรักษนิยมดูเหมือนสนับสนุนแนวคิดนี้ ซึ่งอาจเปลี่ยนหลักการแยกศาสนาจากรัฐที่ยึดถือมานาน

ในงานเลี้ยงอาหารเช้าเพื่อการอธิษฐานเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2568 ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะนำศาสนากลับมาสู่ประเทศ และจะตั้งคณะกรรมการด้านเสรีภาพทางศาสนา เขากล่าวว่ามี "อคติต่อคริสเตียน" ในสหรัฐฯ แม้ประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้หลายคน

นักบวชพอล แบรนดีส เราช์เนนบุช จากสมาคมศาสนสัมพันธ์ กล่าวในรายการ CNN ว่า "อคติต่อคริสเตียน" ที่ทรัมป์พูดถึงไม่ได้หมายถึงคริสเตียนทั่วไป เช่น คาทอลิกหรือลูเธอแรน แต่เป็นกลุ่มคริสเตียนอนุรักษนิยมบางกลุ่ม เขากังวลว่ารัฐบาลใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และอาจนำสหรัฐฯ สู่ชาตินิยมคริสเตียน ซึ่งขัดกับหลักเสรีภาพทางศาสนาที่ผู้ก่อตั้งประเทศกำหนดไว้

อ่านข่าวอื่น :

รวบขโมยอ้างเป็นไรเดอร์ ลักทรัพย์บ้านหมอ-ตำรวจ สูญกว่า 3 แสน

ภรรยาเล็งเอาผิด รพ. หากเลือดผิดกรุ๊ปทำสามีดับหลังก้อนปูนตกทับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง