ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กมธ.ไล่บี้งบฯ 5 โครงการ “ที่จอดรถ-โรงหนัง-ศาลาแก้ว-ห้องประชุม” กว่า 2 พันล้าน

การเมือง
8 พ.ค. 68
17:54
79
Logo Thai PBS
กมธ.ไล่บี้งบฯ 5 โครงการ “ที่จอดรถ-โรงหนัง-ศาลาแก้ว-ห้องประชุม” กว่า 2 พันล้าน
“กมธ.พัฒนาการเมือง” รุมซัดงบปรับปรุงสภา “ไอติม” ถามใครต้องรับผิดชอบออกแบบที่จอดรถผิดข้อบัญญัติ กทม. อึ้ง โอนงบเหลือจ่ายใช้ระเบียบสภาฯ ไม่ผ่านสำนักงบฯ

ด้าน “หมออ๋อง”จี้ ถามสร้างอาคารจอดรถเพิ่มฝ่ายการเมืองต้องการ-เป็นดำริประธานใช่หรือไม่ เหน็บ ฉากหลัง บัลลังก์ถ้าเยอะไปก็เหมือนโรงลิเก ถ้าอยากเผยแพร่ประวัติศาสตร์ให้ไปพิพิธภัณฑ์ เหวอปรับปรุงศาลาแก้ว เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร

วันนี้ (8 พ.ค.2568) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานคณะกรรมาธิการ พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้มีการประชุม พิจารณาศึกษาผลการดำเนินงาน และการบริหารจัดการงบประมาณ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยเชิญบุคคลเกี่ยวข้องเข้าชี้แจง รวมถึงนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1

ที่จอดรถสภาฯ ผิดข้อบัญญัติ กทม.

นายพริษฐ์ กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณไม่ได้ดูเรื่องความชอบด้วยกฎหมาย แต่ต้องดูเรื่องความสมเหตุสมผล เศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่มาก ควรจะประหยัดงบประมาณ และอยากให้ตระหนักว่าภาพลักษณ์ที่ดีของรัฐสภาไม่ได้มาจากอาคาร และความสวยงาม แต่มาจากการพิจารณากฎหมายการตรวจสอบรัฐบาลความโปร่งใสในการดำเนินงานของสภา ประชาชนสามารถฝากความหวังไว้กับสภาผู้แทนราษฎรให้สมกับที่เป็นสถาบันที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

ทั้งนี้ กมธ.ได้หยิบ 5 โครงการ มาพิจารณา คือ 1.โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถรัฐสภา เพิ่มเติม วงเงิน 1,529 ล้านบาท 2.โครงการพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4 มิติ ห้องบรรยายใหญ่ B1 และ B2 วงเงิน 180 ล้านบาท 3.โครงการปรับปรุงศาลาแก้ว จำนวน 2 หลัง วงเงิน 123 ล้านบาท 4.โครงการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ วงเงิน 118 ล้านบาท และ 5.โครงการออกแบบและตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาฯ ในห้องประชุมสุริยัน วงเงิน 133 ล้านบาท

โดยนายพริษฐ์เริ่มจากการพยายามถาม เรื่องของการก่อสร้างที่จอดรถว่า มีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร ซึ่งนายอรุณ ผ่องแผ้ว ผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย สภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า ที่จอดรถปัจจุบันของอาคารรัฐสภา ไม่เป็นไปตามข้อบัญญัติ กทม.ที่กำหนดพื้นที่ใช้สอย 120 ตารางเมตร ต้องมีที่จอดรถ 1 คัน

ต้องทำเพิ่มให้จอดได้ 4.6 พันคัน

ซึ่งสภาฯ มี 424,000 ตารางเมตร ต้องมีที่จอดรถอย่างน้อย 3,500 คัน แต่ที่เรามีอยู่ปัจจุบันจอดรถได้ 2,000 คัน จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ ว่าเราจะใช้พื้นที่ด้านหน้า ของอาคารรัฐสภา 21 ไร่ เจาะลงไปที่ด้านล่าง 11 เมตร ก็จะได้ประมาณ 4,600 คัน ซึ่งพอฟังคำอธิบาย ทำให้นายพริษฐ์ ตั้งคำถามกลับว่า ถ้าแบบของการก่อสร้างอาคารรัฐสภาเดิม ที่จอดรถผิดกฎหมาย ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

เหตุใดประชาชน จึงต้องควักเงินตัวเอง เพื่อมาสร้างที่จอดรถใหม่ และถ้าแบบเป็นไปตามข้อข้อบัญญัติของกทม. สัญญาเขียนว่า ใครต้องรับผิดชอบ คนทำแผนหรือคนอนุมัติแผน

คำถามของนายพริษฐ์ ไม่มีใครตอบได้ เนื่องจากคนที่รับตำแหน่งปัจจุบัน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจหรืออนุมัติแบบ นายพริษฐ์จึงขอให้ส่งเอกสารทั้งหมดให้คณะกรรมาธิการ ตรวจสอบว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมบอกว่า เราต้องยอมรับตรง ๆ ว่า การออกแบบผิดกฎหมายข้อบัญญัติ กทม. ที่จะต้องมี 3,500 ช่องจอด

ขณะเดียวกันนายพริษฐ์ ยังติดใจเรื่องการโอนงบประมาณว่า ใช้วิธีใด ถ้าเป็นโครงการใหม่ต้องขออนุมัติงบ หรือต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ หรือ ครม. ซึ่งนายเจษฎา และเจ้าหน้าที่การคลัง บอกว่า เป็นเรื่องระเบียบรัฐสภา สามารถโอนงบประมาณเหลือจ่ายได้

ทำให้นายพริษฐ์ ระบุว่า คณะกรรมการตามระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา (คบง.รส.) ซึ่งมีประธานสภาฯ เป็นประธานนั้น มีศักดิ์ ต่ำกว่า พ.ร.บ.งบประมาณ

อย่างไรก็ตามการพิจารณาเรื่องอาคารจอดรถในวันนี้ ยังไม่ได้ขอสรุป โดยนายพริษฐ์ได้ขอเอกสาร โอนเปลี่ยนงบประมาณย้อนหลัง 5 ปี

ด้านนายประดิพัทธ์ กล่าวว่า การใช้งบฯ เหลือจ่ายใช้ยากมาก ตนเคยขอจัดซื้อเครื่องกรองน้ำ มูลค่า 8,000 บาท แต่ไม่สามารถใช้วิธีแบบนี้ได้

ผู้ใหญ่ไม่มีที่จอดรถก็โดนตำหนิ

ตกลงฝ่ายการเมืองจะเอาใช่ไหม อาคารที่จอดรถ ผมเห็นใจเจ้าหน้าที่ ถ้าประชาชนไม่มีที่จอดรถเป็นเรื่องของคุณ แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้ใหญ่ไม่มีที่จอดรถพวกเขาโดนตำหนิ และยังมีผู้ติดตาม สว.เพิ่มขึ้น ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่โดนอะไรบ้าง คิดว่าเจ้าหน้าที่โดนกดดัน แต่อยากถามว่า วิธีที่ให้เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เป็นนโยบายของใคร เป็นดำริของประธานสภาใช่หรือไม่ เป็นนโยบายของใครกันแน่ ที่ทำให้ท่านต้องมาตอบคำถาม ที่กระอักกระอ่วนเช่นนี้ และกังวลได้ขนาดนี้ ไม่ต้องบอกว่า เป็นประธานสภาก็ได้

นายประดิพัทธ์ยังบอกด้วยว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา เป็นคนคุม 2 สำนักนี้ คือ สำนักอาคารสถานที่ และสำนักความปลอดภัย ที่ถาม เพราะเลขาธิการสภาฯ มีหน้าที่สนองนโยบายตามดำริของประธานสภาฯ ถามว่า เคยมีเอกสารหรือไม่ หรือว่าเป็นการสั่งปากเปล่า เรื่องราวที่ให้พวกท่านทำผิดระเบียบแบบนี้ ซึ่งทำให้ผู้ที่มาชี้แจงเงียบทั้งห้องประชุม จนนายพริษฐ์ บอกว่า ความเงียบมันก็ส่งเสียงของมัน ความเงียบคือคำตอบ

ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเลขาสภา บอกว่า ประธานสภาฯ เป็นประธาน แต่เวลาประชุม มอบหมายนายพิเชษฐ์ เข้าประชุมแทน ตามที่บอกว่า มีความจำเป็น ก็จะมีการประเมินมาเรื่อย ๆ ว่า มีปัญหาเรื่องที่จอดรถ จึงเป็นที่มาของโครงการสร้างที่จอดรถ และมีการเสนอความจำเป็นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ตนทราบดูจากเอกสารของสำนักความปลอดภัยเสนอมา

ตอบไม่ได้ ทำไม “โรงหนัง” ไม่ทำตอนสร้าง

จากนั้นที่ประชุมได้ซักถาม ถึงโครงการพัฒนาโรงภาพยนตร์ 4D ซึ่งนายทิตวัจน์ ณรงค์แสง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานสารนิเทศ ชี้แจงว่า เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด ความจริงคือห้องสารนิเทศ มีไว้ต้อนรับประชาชน เหมือนโรงหนังเล็ก ๆ มีที่นั่งประมาณ 108 ที่นั่ง นอกจากใช้ชมวิดีทัศน์ ยังใช้ในการต้อนรับและเยี่ยมชมเยี่ยมคารวะ ซึ่งนายทิตวัจน์เองก็สงสัยเหมือนนายพริษฐ์ว่า ทำไมตอนก่อสร้าง ไม่มีห้องสารนิเทศ และตนก็ไม่เคยเห็นแบบเช่นกัน

ทำให้นายพริษฐ์ถึงกับบอกว่า ถ้ามีแบบ แต่ไม่อยู่ในการก่อสร้าง ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะย้ำถามถึงความจำเป็นว่า จะต้องเป็น 4D หรือไม่ เพราะงบ 80 % เกี่ยวข้องกับ 4D

ทำไมเอกชนใช้งบฯ 50 ล้าน แต่สภาฯ ใช้ 180 ล้าน

ด้าน น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.พรรคประชาชน ถามถึงงบฯ ที่ถูกตัดของโครงการพัฒนาโรงภาพยนตร์ จากเดิมตั้งไว้ 380 ล้านบาท เหลือ 180 ล้านบาท ว่า 200 ล้านบาท คือค่าอะไรที่ถูกตัด ขณะที่กรรมาธิการคนอื่นก็ได้มีการสอบถามว่า เหตุใดโรงหนังเอกชนจึงใช้งบแค่ 50 ล้าน แต่ในที่ประชุมก็ไม่มีคำตอบให้

ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ ชี้แจงว่า ได้แรงบันดาลใจทำโครงการพัฒนาโรงภาพยนตร์ 4D จากการที่ กิจการสภาไปดูงานของ กฟผ. ที่เป็นจอเสมือนจริง ตั้งใจเป็นศูนย์เรียนรู้ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักเรียนและเยาวชนที่จะมาเยี่ยมชมสภาฯ

นายทิตวัจน์ กล่าวว่า สภาฯ เป็นของทุกคน สามารถไปเยี่ยมชมได้ แต่ถ้าเรามีโรงภาพยนตร์หรือศูนย์เรียนรู้ มีสื่อที่สร้างสรรค์หรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชนที่ได้โอกาส เข้ามาชมสภา ก็มีกำลังใจอยากจะทำงานที่สภา หรืออยากจะมาเป็น สส. เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เงิน 180,000,000 ในอนาคตจะแพงกว่านี้ ถ้าเราไม่เริ่มต้น แต่ถ้า สส.เห็นว่า ไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องทำก็ได้ แต่ถ้าจะทำเพื่อประชาชนตนก็สนับสนุน

นายปดิพัทธ์ สวนกลับว่า ในเนื้อหาไม่ได้มีอะไรบอกว่า เป็นศูนย์เรียนรู้ และรายการทั้งหมด เบิกจ่ายว่า เป็นงบเร่งด่วน อยากจะบอกว่า โครงการนี้น่าจะถูกด่ามากกว่า โครงการที่จอดรถ การสร้างแรงบันดาลใจกับผู้ที่มาเยี่ยมชมรัฐสภา เจอกันตัวเป็นๆ กับ สส. กินข้าวร่วมกันจับมือไม่ใช่แค่สัมผัสกันผ่านจอ และถ้าเยาวชนไปดูหน่วยงานด้านความยุติธรรม โตมาก็อาจจะเป็นผู้พิพากษา

ขณะที่นายเจษฎา พรหมย้อย ตำรวจรัฐสภา ชี้แจงถึงงบปรับปรุงศาลาแก้ว เพื่อประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ในส่วนของพื้นที่ต่อเนื่องด้านหน้า จะปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อให้ผู้ที่จะเข้ามาในอาคารรัฐสภา ได้ใช้พื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะศาลาแก้วเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงภูมิทัศน์

การใช้งานทั้งหมดของบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา และรองรับกิจกรรมเกี่ยวกับพระบรมราชานุสาวรีย์ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะจะใช้เป็นสถานที่ต้อนรับผู้นำประเทศ- ทูตานุทูต เพราะเป็นพื้นที่ต้อนรับอาคันตุกะ ที่มาเยี่ยมอาคารรัฐสภา โดยจะเป็นพิธีการ และเป็นสถานที่จัดเลี้ยง

ทำให้ นายพริษฐ์ ถึงกับบอกว่า มองหาความเชื่อมโยงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ออก แต่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์พอจะเข้าใจได้ ซึ่งที่ฟังมาหลักคิดส่วนใหญ่ของศาลาแก้ว คือการใช้ต้อนรับผู้นำต่างประเทศมากกว่าการใช้พื้นที่ เพื่อประโยชน์ของประชาชนซึ่ง ปฏิกิริยาของประชาชน ในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็น่าจะบอกได้ การลงทุนก่อสร้างสภาเป็นหมื่นล้าน แต่ยังไม่พอต้องใช้ศาลาแก้วเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์หาความเชื่อมโยงยากจริงๆ

จากนั้นได้มีการสอบถามโครงการ ปรับปรุงฉากหลังบัลลังก์ประธานสภา ซึ่งมีการชี้แจงว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับประชาธิปไตย โดยใช้ทองแดงหนัก 16 ตัน โดยกรมศิลปากร เป็นคนออกแบบ โดยกรรมาธิการมองว่า ถ้าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของประธานสภา และมองว่าไม่จำเป็น สาระสำคัญของห้องประชุมสภาคือการพิจารณากฎหมาย ไม่ใช่ว่าฉากหลังจะสวยงาม เช่น เดียวกับการปรับปรุงห้อง กรรมาธิการงบประมาณ ก็ไม่เห็นความจำเป็น ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเข้าไปประชุมเพื่อทดลองใช้งานดู พบว่า การใช้งานไม่ได้มีปัญหาอะไร

ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ห้องประชุมถ้าจะออกแบบอะไร ให้สมาชิกดูก่อนได้หรือไม่ ตนมองว่าห้องประชุมถ้ามีอะไรให้ดูมากยิ่งจะไม่ประชุม

เคยเห็นอย่างเดียวเวลาที่ต้องการฉากหลังอะไรที่เยอะ ๆ คือโรงลิเก ที่มีจิตกรรมสวยงามอยู่ข้างหลังให้ประชาชนเพลิดเพลินกับโรงลิเก แต่ห้องประชุมควรเป็นห้องประชุม ถ้าจะสื่อสาร 2475 ให้ไปสื่อสารในพิพิธภัณฑ์ดีไหม พุทธศาสนาไปสื่อสารที่วัด สำคัญที่สุดที่อยากรู้แบบที่ส่งมอบข้างหลังมันเป็นอย่างไร ตอนนี้คงไม่ได้สงสัยว่ามันสวยไม่สวย ประชาชนก็จะถามตน ตกลงข้างหลังเสร็จหรือยัง ทำไมถึงเป็นปูนเปลือย ถ้ามันไม่สวยมันใช่ประเด็นไหม นี่เป็นประเด็นของฉากหลัง

อ่านข่าว : นักวิชาการชี้ "รัฐประหาร" มักอ้างปราบทุจริต ที่แท้เป็นเสื้อคลุมคอร์รัปชั่นให้ยากต่อการตรวจสอบ

แพทยสภาฟันโทษ "หมอ" ตักเตือน 1 พักใช้ใบอนุญาต 2 คน ปมทักษิณนอนชั้น 14

ข่าวที่เกี่ยวข้อง