ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ออกจากถ้ำครั้งแรกในรอบเดือน “ทักษิณ” จัดหนักอ้างสารพัดเรื่องแก้ได้

การเมือง
16:21
48
ออกจากถ้ำครั้งแรกในรอบเดือน “ทักษิณ” จัดหนักอ้างสารพัดเรื่องแก้ได้
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการปรากฏตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในรอบ 1 เดือน นับตั้งแต่กลับบ้านเกิด จ.เชียงใหม่ และช่วยนายอัศนี บุรณุปกรณ์ หาเสียงนายกฯเล็กเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยไปปาฐกถาที่ ป.ป.ส. จึงจัดหนักเต็มคาราเบล แบบไม่มียั้ง ร่ายยาวพูดทุกเรื่อง ชนิดที่คนในรัฐบาลจดการบ้านไปทำแทบไม่ทัน

ตั้งแต่ทักทายสื่อ บอกยังอยู่สุขสบายดี ไม่ได้หนีไปต่างประเทศอย่างที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้ ก่อนจะขึ้นเวทีพูดทุกเรื่อง สอดรับกับการให้สมญาตนเองว่า สทร. แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะเป็นบุคลิกเฉพาะตัว ของนายทักษิณแต่ไหนแต่ไรแล้ว

นอกจากยืนยัน ไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว กลางคันแน่ ๆแล้ว ยังตอกย้ำถึงเสถียรภาพรัฐบาล และการจับมือร่วมกันไปต่อกับพรรคภูมิใจไทย โดยจู่โจมใช้มือโอบคอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ตั้งหลักไม่ทัน จนทำสีหน้าปุเลี่ยนๆ สยบข้อกล่าวหาแตกคอ ทั้งจากความเห็นแตกต่างกันในหลายเรื่อง ชอบชิงหล่อก่อน และปมฮั้วเลือก สว.ที่กำลังเข้มข้น

เพราะขั้นตอนทางกฎหมายได้เริ่มเดินหน้าไปไกลแล้ว ทั้งคดีที่ กกต.เป็นเจ้าภาพ เรื่องทำผิดพ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. โดยล่าสุด ได้ออกหมายเรียกชุดที่ 4 แล้ว และคดีฟอกเงินและอั้งยี่ ที่ดีเอสไอทำอยู่ ทั้งมีข่าววงในว่าจะสรุปคดีในในเร็ววันนี้

ฉะนั้น ถึงจะประสานเจรจากันอย่างไร อย่างดีก็แค่ยื้อเวลาระยะหนึ่ง แต่ไม่อาจจะทำให้กระบวนการทางยุติธรรม ยุติลงได้ หาไม่แล้ว กกต.และดีเอสไอ ต้องเตรียมรับ “ทัวร์ลง” อย่างไม่ต้องสงสัย

การไปปาฐกถาที่ ป.ป.ส. นอกจากจะปรากฏว่า มีรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยหลายคน ที่ไปยืนรอต้อนรับแล้ว ยังมีพรรคร่วมรัฐบาล อย่างนายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่ถูกมองว่า เป็นขาประจำอยู่แล้ว

เรื่องปมชั้น 14 ไม่เพียงจะเหวี่ยงใส่แพทยสภา กล่าวหาไม่มีจริยธรรมเสียเอง โดยอ้างถึงไลน์หลุดของกลุ่มแพทย์ ที่มีคนหนึ่งกล่าวหาตน และอีกคนตอบเยส (แปลว่า ใช่) ทั้งที่ในกลุ่มไลน์ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างคนในกลุ่มกันเอง ตราบใดไม่ได้วิจารณ์หรือกล่าวหาคนอื่นอย่างเสีย ๆ หาย ๆ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่คนที่ไปก้าวล่วงล้วงข้อมูลในกลุ่มไลน์ของเขาต่างหากที่จะถูกตำหนิ

นายทักษิณ ยังอ้างว่า ไม่กังวลเรื่องศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง นัดพร้อมไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย. โดยย้ำว่า พร้อมจะพูดความจริงในศาล แต่กลับบอกว่า ยังไม่แน่ว่าจะไปหรือไม่ ต้องรอเที่ยงคืนวันที่ 12 มิ.ย.เสียก่อน

ประเด็นสำคัญคือ เรื่องปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นเรื่องหลัก สำหรับการไปพูดของนายทักษิณ โดยมีแนวทางปราบปรามอย่างเข้มข้นจริงจัง ยังคงเป็นธงนำ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดในพื้นที่ภาคใต้ หรือการจัดการกับกลุ่มว้าแดง ที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญ

นายทักษิณส่งสัญญาณ ให้รัฐมนตรีต่างประเทศ ต้องเดินทางไปเจรจาขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเมียนมา หากจัดการไม่ได้ ต้องขออนุญาตจัดการเองด้วยวิธีการที่สากลรับได้ ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าจะทำแบบไหน ทั้งที่เคยมีบทเรียนสำคัญ จากการปราบปรามอย่างรุนแรงเด็ดขาดในสมัยที่นายทักษิณเป็นนายกฯ สมัยพรรคไทยรักไทย

ตอนนั้น ปมเรื่องมีผู้ถูกฆ่าตัดตอน 2 พันศพ ได้นำไปสู่คำถามว่า เป็นพ่อค้ายาเสพติดจริงทั้งหมดหรือไม่ ถือเป็นภาพจำที่ยังคอยตามหลอกหลอนอยู่จนถึงขณะนี้

ทั้งนี้เชื่อว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้ต่อต้านหรือคัดค้านการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายให้สิ้นซาก แต่วิธีคิดกับการปฏิบัติจริง แตกต่างกันมาก หาไม่แล้วการทำลายโรงงานผลิต หรือตัดวงจรค้ายาเสพติดคงจบไปตั้งนานแล้ว เพราะตั้งแต่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องพรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย กระทั่ง รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ปัจจุบัน ได้บริหารประเทศยาวนานต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติด ก็ยังคงอยู่

ไม่ต่างจากตู้คอนเทนนอร์นำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ที่นายทักษิณซัดใส่เจ้าหน้าที่ศุลกากรว่า ได้ค่างดเว้นการเปิดตู้ ถึงตู้ละนับหมื่นบาท จากนำเข้าทั้งหมดต่อปี 6 ล้านตู้ ทั้งที่กรณีนำเข้าหมูเถื่อน สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่นำเข้าผ่านท่าเรือ และผ่านหูผ่านตาศุลกากร อย่างน่าอัศจรรย์นั้น แม้จะแสดงท่าทีเอาจริงเอาจัง ว๊ากใส่เจ้าหน้าที่และดีเอสไอ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังคงปรากฏเหตุการณ์เดิม ๆ ไม่จบสิ้น

เพราะอย่างที่ตั้งข้อสังเกตไว้ แนวคิดทางทฤษฎีกับทางปฏิบัติ ไม่ได้ง่ายหรือสอดคล้องกันอย่างที่คิด ไม่นับปมคำถามสำคัญที่ยังไร้คำตอบว่า เหตุใดจึงปราบไม่สำเร็จ หรือไม่ได้ทำอย่างจริงจังเด็ดขาดอย่างที่อ้างถึง หรือหมดสิ้นบารมีแล้ว

หรือเป็นเพียงออกโรงจัดหนักรองรับอารมณ์ที่พุ่งพล่านของคนในวัยที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงหลานแล้วจริง ๆ เท่านั้นเอง

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : สภาอนุมัติ "พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล" ให้ "แบงก์" ร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก "แก๊งคอลเซนเตอร์"

สภาฯ ผ่านฉลุย เปลี่ยนชื่อ "สำนักงานทรัพย์สินฯ" เป็น "พระคลังข้างที่"

นายกฯ ยันไม่โยกงบฯ 1.57 แสนล้าน แก้ยาเสพติด ตามไอเดีย “ทักษิณ”