วันนี้ (29 พ.ค.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ สั่งระงับการขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นเรื่องตามกระบวนของสหรัฐฯ สุดท้ายต้องดูว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ส่วนของไทยต้องเดินหน้า-เตรียมความพร้อม จะหยุดชะงักไม่ได้
ขณะที่บรรยากาศซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ (29 พ.ค.) สะท้อนมุมมองเชิงบวกเช่นกัน โดยดัชนีปิดตลาด ปรับเพิ่มขึ้น 3.27 จุด สวนทางกับราคาทองคำในประเทศ เปิดตลาดลดลงทันทีบาทละ 550 บาทและผันผวนระหว่างวัน ก่อนปิดตลาด ราคาทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 50,950 รับซื้อบาทละ 50,850 ส่วนทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 51,750 และรับซื้อบาทละ 49,937 โดยค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงที่ระดับ 32.81 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังแข็งค่าต่อเนื่องช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมยังเดินหน้ามาตรการปราบปรามการสวมสิทธิและพิสูจน์แหล่งกำเนิดสินค้าไทย ตามแผนรับมือภาษีสหรัฐฯ ตามเดิม ควบคู่กับการสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและผู้ส่งออกไทย ขยายตลาดใหม่ แต่ผลจากคำสั่งศาลสหรัฐฯ และการอุทธรณ์คำสั่งยกเลิกมาตรการตอบโต้ทางภาษี ไม่ได้ส่งผลต่อภาคการผลิต เพื่อการส่งออกไทยอย่างมีนัยสำคัญในช่วงนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการต่างหยุดชะลอดูสถานการณ์เช่นเคย
ส่วนนายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องพยายามต่อสู้คดีถึงชั้นฎีกา เพื่อไม่ให้ล้มนโยบายของตนได้ง่ายๆ และอาจออกคำสั่งภาวะฉุกเฉินฉบับใหม่ที่มีขอบเขตชัดเจนขึ้น รวมทั้งใช้กฎหมายการค้าอื่น เพื่อบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าวต่อไปได้ เป็นรายผลิตภัณฑ์และรายประเทศ
อ่านข่าว
ศาลสหรัฐฯ สั่งระงับมาตรการ "ทรัมป์" ขึ้นภาษีทั่วโลก