กรณี น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ออกมาแถลงขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถรวบรวมรายชื่อ สว.ได้ครบ 20 คน เพื่อยื่นคำร้องขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่ง สว.ที่ถูกกล่าวหาฮั้วเลือก สว. หยุดปฏิบัติหน้าที่เลือกกรรมการในองค์กรอิสระได้ แต่เตรียมใช้แผน 2 เสนอเป็นญัตติด่วนด้วยวาจา ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เพื่อหยุดกระบวนการลงมติเลือกกรรมการในองค์กรอิสระ ขณะที่วิปวุฒิสภาเตรียมบรรจุญัตติของ สว.เทวฤทธิ์ มณีฉาย จะทำให้แผน 2 มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น
สว.นันทนา ระบุว่า หากการรวมชื่อ 20 สว.ไม่สำเร็จ จะยื่นญัตติขอให้ชะลอการลงมติองค์กรอิสระ ซึ่งญัตตินี้เสนอโดย สว.เทวฤทธิ์
เราอยากให้บรรจุและขอบคุณที่วิปวุฒิฯ บรรจุ แต่การบรรจุเพื่อให้อภิปรายอย่างกว้างขวาง สุดท้ายต้องลงมติด้วยเสียงข้างมากว่าจะชะลอหรือไม่ชะลอ นี่คืออีกด่านยาก เพราะไม่แน่ใจว่า สว.เสียงข้างมากจะเห็นชอบกับการให้ชะลอการลงมติเรื่ององค์กรอิสระหรือไม่
ส่วนจะเดินต่ออย่างไรเมื่อความเคลื่อนไหวถัดจากนี้สำเร็จได้ยาก เพราะแพ้เสียง สว.ส่วนใหญ่ สว.นันทนา ยอมรับว่า เป็นเกมวิบาก เพราะต้องใช้เสียงมากกว่าครึ่ง และทราบอยู่แล้วว่าเสียงข้างมากมีประมาณ 140-150 เสียง แต่การบรรจุญัตติ (หารือชะลอการรับรองกรรมการองค์กรอิสระ) น่าจะลดแรงกดดันได้ เพราะสอดคล้องกับเสียงประชาชนทั่วไปที่ไม่อยากให้ สว.ลงมติเรื่องนี้ในช่วงเวลาที่กำลังถูกตรวจสอบ
พร้อมมองว่า เป็นเรื่องยาก เพราะประเมินโอกาสที่ญัตติจะผ่านนั้นมีน้อยมาก การเปิดประชุมวุฒิสภารอบนี้ไม่เพียงบรรจุวาระเห็นชอบองค์กรอิสระ (ป.ป.ช. 3 คน) แต่ยังมีการตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบคุณสมบัติอีก 7 ตำแหน่ง ระเบียบวาระนี้ถูกกำหนดทันทีที่เปิดสภา หมายความว่ามีความตั้งใจลงมติตรงนี้

ภาพจาก วุฒิสภา
ภาพจาก วุฒิสภา
ขณะเดียวกันยังมีแผน 3 ที่ทำตามคำแนะนำของ อ.จรัล ภักดีธนากุล ที่ได้กล่าวไว้ว่าไม่มีกฎหมายบังคับให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่กระนั้น สว.ก็ควรตระหนักเรื่องจิตสำนึกและจริยธรรม เพราะกำลังจะทำหน้าที่เลือกคนมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ต้องเลือกคนมีจริยธรม คำถามจึงตกอยู่กับจริยธรรมของคนเลือก ซึ่งขณะนี้มีเรื่องการยื่นคำร้องไปยัง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบจริยธรรม สว.ที่พยายามลงมติตรงนี้ และการยื่นนี้ไม่ต้องใช้เสียง สว. ประชาชนสามารถยื่นได้
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงหา สว.ที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ได้ยาก สว.นันทนา ชี้แจงว่า สว.ที่ล่ารายชื่อ 20 ชื่อ ไม่ได้ตั้งต้นจาก สว. 200 คน แต่ตั้งต้นจาก สว.อิสระ 50 คนและจะขอ 20 คนในจำนวนนั้น จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเวลาถูกสวนกลับ เขาสวนแรง ไม่ว่าจะเป็น 92 สว.ที่ไปยื่นร้อง ป.ป.ช. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณาสั่งนายภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หยุดทำหน้าที่ และที่สำคัญ สว.กลุ่มนี้มีจำนวนมาก พอเขาเลือกสวนกลับแรง สว.ที่จะมาลงชื่อก็มีความหวาดหวั่น เพราะจะได้รับผลกระทบแน่นอน
ต้องจับตาญัตติที่เข้าสภาวันที่ 30 พ.ค.นี้ หากญัตติเข้าสภาแล้วไปถึงขั้นลงมติจริง เข้าใจว่า สว.ที่เป็นกลุ่มอิสระ จะปฏิเสธการลงมติ เราอาจแสดงท่าทีด้วยการวอล์กเอาท์ ไม่ร่วมสังฆกรรม เป็นการแสดงสปิริตว่าเราไม่ร่วมลงมตินี้ เพื่อกดดันให้ สว.เสียงข้างมากหยุดทำหน้าที่ในส่วนของการลงมติเห็นชอบองค์กรอิสระไปก่อน

หากเกิดกรณี สว.ส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยและเดินหน้ารับรองกรรมการองค์กรอิสระต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นในบั้นปลายนั้น สว.นันทนา กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 93 ปีที่มี สว.เกินครึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเข้ามาโดยมิชอบ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ จึงทำให้ไม่มีกฎหมายมารองรับ เมื่อไม่มีกฎหมายครอบไว้ อาจทำให้ สว.เสียงข้างมากคิดว่าลงมติได้ เพราะไม่มีกฎหมายมาบังคับได้ แต่หากตรวจสอบถึงที่สุดแล้วปรากฏว่า สว.กลุ่มใหญ่เข้ามาโดยมิชอบและต้องพ้นสภาพไป ถือว่าขาดคุณสมบัติในการเข้ามาเป็น สว. แต่ไปแต่งตั้งองค์กรอิสระ คำถามคือผู้ที่ถูกแต่งตั้งจะถือเป็นโมฆะหรือไม่
"ถ้า สว.ถูกกล่าวหา 1-2 คนก็ไม่มีผลอะไร แล้วกฎหมายก็บอกไว้ว่าอะไรที่ทำไปแล้วจะไม่ถือว่ามีผลย้อนหลัง ถ้าลงมติไปแล้วก็แล้วไป แต่กฎหมายเขาหมายถึง 1-2 คน แต่กรณีล่าสุดถูกกล่าวหากันเกินครึ่งของสภา มันเป็นเสียงข้างมากไปเลย แล้วจะบอกว่าเสียงข้างมากขาดคุณสมบัติมาลงมติจะไม่เป็นโมฆะ อันนี้ต้องตีความว่าสิ่งที่ทำมันจะส่งผลต่อไปในอนาคตหรือไม่ และถ้าไม่เป็นโมฆะ คนที่ได้รับเลือกเข้าไปจะถูกมองอย่างไร จะเป็นมรดกบาปหรือไม่"
สว.นันทนา กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ ไม่มีกฎหมายตัวไหนมาตามทัน ไม่มีใครรู้ว่าวันหนึ่ง สว.เกินครึ่งของสภาจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเข้ามาโดยมิชอบ กฎหมายตามไม่ทันตรงจุดนี้ ซึ่งในข้อเท็จจริงเรายอมรับกันว่าหากยังไม่ถูกพิพากษาให้ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ในระหว่างการตรวจสอบแล้วไปเห็นชอบกรรมการในองค์กรอิสระ ทั้ง กกต. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต่างอะไรกับการเลือกผู้พิพากษามาตัดสินคดีของตัวเอง
เรื่องนี้ใช้เพียงกฎหมายคงไม่ได้ ต้องใช้จิตสำนึกร่วมด้วย ต้องใช้จริยธรรมอย่างหนัก กฎหมายไม่ได้สั่งให้หยุด แต่จริยธรรมควรทำงาน
อ่านข่าว
"คำรบ" นำคณะ สว.สำรองยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 92 สว.
"ทักษิณ" ขู่จัดการว้าแดง ผู้เชี่ยวชาญกังวลกระทบสัมพันธ์เมียนมา
สภาฯ เข้มติดกล้อง CCTV เก็บภาพ-เสียง โซนทำงานสื่อมวลชน