หลังเหตุปะทะช่วงสั้น ๆ ของทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย นำมาสู่การเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย และกัมพูชา เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.2568)
ทำให้ได้ข้อสรุปร่วมกันใน 3 แนวทาง คือ 1.การแก้ปัญหาเขตแดนในรูปแบบคณะกรรมการปักปันเขตแดน (JBC) ซึ่งจะเร่งดำเนินการภายใน 2 สัปดาห์ 2.ให้กำลังถอยจากจุดปะทะ 200 เมตร 3.สร้างสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับหน่วยไม่ให้เกิดการปะทะในพื้นที่อีก

แต่ที่น่าสนใจคือ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ได้โพสต์แถลงการณ์ของกองบัญชาการกองทัพกัมพูชา เกี่ยวกับผลการหารือของทั้ง 2 ฝ่าย มีข้อ 4 ที่ระบุว่า ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังหรืออาวุธจากพื้นที่พิพาท โดยอ้างอิงว่า กัมพูชาอยู่ที่จุดนั้นมาโดยตลอด นับตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะมี MOU 2543 แล้ว

จุดนี้น่าสนใจว่า ทางไทยบอกว่าถอย 200 เมตร แต่ถ้าทางกัมพูชาบอกว่า จะไม่ถอยจากจุดที่เขาเคยอยู่มาตั้งแต่ก่อน MOU 2543 ตรงนี้อาจจะต้องมาดูกันแล้วว่า จุดถอยที่ว่าของแต่ละฝ่ายคือจุดไหน แต่ที่น่าจะสบายใจขึ้นคือ การที่ทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงจะแก้ไขปัญหาด้วยสันติ

แต่เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นจะมองว่าปกติหรือไม่ ในรายการตอบโจทย์เมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.2568) พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ บอกชัดเจนว่า ไม่ปกติ เพราะเป็นการเข้ามาของทหารนอกหน่วยในพื้นที่จึงทำให้เกิดการยิงจนเสียชีวิตขึ้นซึ่งเดิมทีทหารในพื้นที่จะคุ้นหน้ากัน

แต่ขณะเดียวกันก็มองได้ว่า ขณะนี้ทางเพื่อนบ้านกำลังทดสอบเราอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภายในของไทยอ่อนแอ สอดคล้องกับที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ประเมินไว้ในรายการออนไลน์เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.2568) ตามที่ พล.ท.ภราดร ระบุว่า
เราปฏิเสธไม่ได้ในระดับยุทธศาสตร์ที่มีการเมืองทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพราะต้องแสดงพลังแต่ของเราการเมืองอ่อนแอ จึงเห็นเขาแสดงพลังออกมา แต่ถ้าการเมืองของเราเข้มแข็ง ฝ่ายกองทัพพร้อมสนองนโยบาย พร้อมปฏิบัติที่จะโชว์ ซึ่งความร่วมมือที่มีกรรมการในหลายระดับ เป็นตัวขึงคุมสภาพของการพูดคุยอยู่แล้ว เป็นกลไกหลักที่ไม่ต้องน่ากังวล
พล.ท.ภราดร ยังกล่าวว่า เพียงแต่ว่าการเมืองเราต้องเข้มแข็ง ถ้าการเมืองไม่เข้มแข็งจะมีปัญหาในการโชว์พลังของฝ่ายกำลังรบ มันสัมพันธ์กันหากระดับยุทธศาสตร์เราแข็งแรง ในระดับยุทธวิธี ระดับยุทธการ โอกาสน้อยที่จะมาเผชิญหน้ากัน แต่ถ้าการเมืองในประเทศเราอ่อนแอเมื่อไหร่
แน่นอนว่า ทางนั้นต้องอาศัยจังหวะ เพื่อมาโชว์ทางยุทธศาสตร์ของเขาเหมือนกัน ต้องยอมรับว่า ทางกัมพูชาถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับดินแดนเมื่อไหร่ จะเป็นประเด็นที่จุดให้ประชาชนของเขาฮึกเหิมได้

แล้วปัญหาการเมืองของกัมพูชาคืออะไร ถึงปลุกความรักชาติผ่านปัญหาพรมแดน การประเมินของสิ่งหนึ่งที่บอกได้ คือ กัมพูชากำลังจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นในปีหน้า ซึ่งประเมินกันว่า ฐานเสียงในท้องถิ่นของรัฐบาลยังไม่แน่นพอ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจจากปัญหาภาษีสหรัฐฯ กับวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้น ทำให้ นายทรงฤทธิ์ โพนเงิน ผู้เชี่ยวชาญประเทศลุ่มน้ำโขง บอกว่า วิธีการเอาพรมแดนมาแก้ปัญหาการเมืองของกัมพูชา ผ่านการสร้างฮุนมาเนต เป็นวีรบุรุษ ก็เลยถูกหยิบมาใช้

ที่ผ่านมา มักจะมีการมองว่า รัฐบาลไทยกัมพูชา ในยุคที่ตระกูลชินวัตรบริหารประเทศ ไม่น่าจะมีปัญหากับ "ตระกูลฮุน" ของกัมพูชา แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่
ส่วนหนึ่งมีการวิเคราะห์จาก พล.ท.ภราดร ว่า ถึงผู้นำจะมีสัมพันธ์กันดีแต่กัมพูชาไม่ได้อิสระขนาดนั้น เพราะความใกล้ชิดกับจีน ประกอบกับจุดยืนด้านการต่างประเทศของไทยเอง ที่ดูจะอ่อนด้อยไปในสายตาโลก ทำให้เราต้องพิจารณาแล้วว่า ขณะนี้ชุดความคิดเรื่องความสัมพันธยาวนาน ใช้แก้สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้แล้ว เพราะขณะนี้ทุกประเทศมองเรื่องผลประโยชน์และภูมิรัฐศาสตร์เสียมากกว่า ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนความคิดนี้แล้ว
อ่านข่าว : กะเหรี่ยงโจมตีค่ายทหารเมียนมาใกล้ชายแดน จ.ตาก สำเร็จ