เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่น โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ขึ้นเวทีปราศรัยที่โรงงานยูเอส สตีล ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนน์ซิลเวเนีย โดยระบุว่า สหรัฐอเมริกาเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก 2 เท่า จากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 50 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า ก่อนจะประกาศเพิ่มเติมว่า อัตราภาษีดังกล่าวครอบคลุมถึงการนำเข้าอะลูมิเนียมด้วย
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ พร้อมทั้งประกาศเดินหน้าทำสงครามการค้าและยกระดับการกดดันผู้ผลิตเหล็กทั่วโลก ซึ่งท่าทีนี้มีขึ้น หลังยูเอส สตีล ประกาศเป็นหุ้นส่วนกับนิปปอน สตีล ของญี่ปุ่น ซึ่งทรัมป์ย้ำว่า สหรัฐฯ ยังเป็นผู้ควบคุมยูเอส สตีล และจะไม่มีการปลดพนักงานออกแต่อย่างใด
ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกส่อเค้ากลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า เขาทำตัวเป็นคนดีมากไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่จีนละเมิดข้อตกลงกำแพงภาษีที่ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
แต่ทรัมป์ก็ระบุด้วยว่า เตรียมพูดคุยกับ สี จิ้นผิง ปธน.จีน และหวังว่า จะประสานความต่างของ 2 ประเทศในประเด็นการค้าและกำแพงภาษีได้ โดยการเจรจาการค้าที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบที่จะลดกำแพงภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน
ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้น หลังจาก สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง ระบุว่า การเจรจากับจีนค่อนข้างชะงัก และอาจจำเป็นต้องให้ผู้นำพูดคุยกันโดยตรงเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สื่อหลายสำนัก ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่พอใจที่จีนยังไม่ยอมอนุมัติการส่งออกแรร์เอิร์ธและทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตรถยนต์และชิป
ส่วนในสัปดาห์หน้า ทีมเจรจาการค้าของสหรัฐฯ เตรียมหารือกับทีมจากมาเลเซีย เวียดนามและสหภาพยุโรป หลังจากเมื่อวานนี้พูดคุยกับทีมญี่ปุ่นเป็นรอบที่ 4 แล้ว โดยรัฐบาล หวังว่า สหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับหลายประเทศได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้
อ่านข่าวอื่น :
หนองบัวลำภูโล่ง! ชาย 64 ปีปลอดแอนแทรกซ์ รอตรวจเนื้อวัวพรุ่งนี้