กองทัพเรือ โดยกรมช่างโยธาทหารเรือ เดินหน้าโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง สำหรับข้าราชการทหารเรือ ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน เนื้อที่ 136 ไร่ สร้างอาคาร 46 หลัง เป็นอาคารสูง 1-5 ชั้น มีห้องพักรวม 795 ห้อง มีทั้งร้านค้า สโมสร สนามฟุตบอล มีที่จอดรถรองรับเกือบพันคัน มีโรงกำจัดขยะ และส่วนระบบบำบัดน้ำเสีย กำหนดเวลาก่อสร้างรวม 3 ปี เริ่มก่อสร้างกลางปี 2569
ล่าสุด อยู่ระหว่างการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ดำเนินการไปแล้ว 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2568 และวันที่ 31 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา
นายสุรินทร์ โยธารักษ์ รองนายก อบต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หนึ่งในผู้ร่วมประชุมกล่าวว่า ในเวทีประชุม ชาวบ้านนำเสนอทุกมิติ ทั้งด้านกฎหมาย ซึ่งชาวบ้านฟ้องศาลปกครอง ศาลยังไม่พิจารณา ถ้าศาลเพิกถอนแล้ว งบประมาณของรัฐที่ลงไปแล้วจะทำอย่างไร
ส่วนเรื่องคนได้รับผลกระทบแน่นอน ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ การทำมาหากิน ขณะที่ด้านสิ่งแวดล้อม ขยะ น้ำเสียเอาไปไหน เพราะการก่อสร้างอาคาร ห้องพักเกือบ 800 ห้อง ถือเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่มาก”
การประชุมทั้ง 2 ครั้ง ผู้ที่เข้าร่วมคัดค้านทั้งหมด ซึ่งทางผู้จัดประชุมแจ้งว่า หลังประชุมสามารถส่งความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ทั้งทางไปรษณีย์ อีเมล และแอปพลิเคชั่นไลน์ ส่วนตัวจึงมองว่า ข้อมูลที่ถูกส่งไปหลังจากนี้ จะไม่ถูกเปิดเผย และกลายเป็นช่องทางทำให้โครงการเดินหน้าต่อได้
การส่งความคิดเห็นทางไปรษณีย์ เราไม่รู้ทิศทางว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือจะเป็นอย่างไร เพราะเราเห็นตัวอย่าง มีบทเรียนจากบางโครงการที่ชาวบ้านคัดค้านอย่างสุดตัว แต่ต่อมาโครงการก็เดินหน้าต่อไปได้ เราก็เกรงว่าโครงการนี้ก็เช่นกัน
ย้อนรอยข้อพิพาทสวนป่าบางขนุน จ.ภูเก็ต
ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.สาคู และ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ก่อนหน้านี้มีคำสั่งอธิบดีกรมป่าไม้ ลงวันที่ 1 มี.ค.2566 อนุญาตให้กองทัพเรือ เข้าใช้ประโยชน์ภายในป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน เนื้อที่ 3,763 ไร่ 1 งาน 2 ตารางวา เพื่อตั้งหน่วยศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาชายฝั่ง ประจำพื้นที่ 2 และกองพันสารวัตรทหารเรือที่ 4
ประกาศนี้ นำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนคำสั่ง ชาวบ้านอ้างว่า เป็นคำสั่งที่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ ที่กำหนดไว้ว่า การขอเข้าใประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จะต้องผ่านการพิจารณาของสภาท้องถิ่น
แต่กองทัพเรือเคยเสนอเรื่อง ขอใช้พื้นที่เพียง 500 ไร่ และใช้มติอนุญาตครั้งนั้น เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินรวมกว่า 3,700 ไร่ ทั้งที่ควรเสนอเรื่องใหม่ เพราะจำนวนเนื้อที่ไม่เท่ากัน อีกทั้งยังถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่าจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย
นอกจากนี้ ในพื้นที่กว่า 3,700 ไร่ ยังมีประเด็นพิพาทที่ดิน ของชาวบ้านอย่างน้อย 300 ครอบครัว ที่อ้างว่า เข้าทำกินก่อน และพร้อมให้ดำเนินการพิสูจน์สิทธิ์ จึงนำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครอง
ขณะเดียวกัน กองทัพเรือนำเสาปูนสลักข้อความ “แนวเขตที่ดินกองทัพเรือใช้ประโยชน์” ปักแนวเขตพื้นที่ บางจุดปักแบ่งเขตผ่ากลางสวนยางพารา ครอบคลุมพื้นที่ทำกินและบ้านเรือนของชาวบ้าน ว่า อาจจะถูกยึดที่ดินทำกินทั้งหมด เพราะขณะนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าห้ามไม่ให้ถางหญ้าในสวนยางพารา
บางรายได้รับแจ้งว่า ให้ทำกินได้จนหมดอายุคน ไม่สามารถส่งต่อที่ดินให้ลูกหลานได้ พวกเขาจึงเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาเข้าทำกินอย่างเปิดเผย และมองว่า การให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ และกลับนำพื้นที่ป่าไปสร้างอาคารที่พักอาศัย เป็นการดำเนินการที่ขัดแย้งกับนโยบายอนุรักษ์ป่า ทั้งที่ จ.ภูเก็ต เหลือพื้นที่ป่าไม่มากนัก ประกอบกับราคาที่ดินค่อนข้างสูง จึงขอให้มีการทบทวนการใช้ประโยชน์ที่ดินว่าเหมาะสมหรือไม่
อ่านข่าว : นายกฯ เปิดงาน Bangkok Pride Festival 2025 ร่วมเดินขบวนพาเหรด
ส่งปลาแม่น้ำกกตรวจหาสารพิษปนเปื้อน ห่วงช่วงวางไข่กระทบพันธุ์ปลา