ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

วิเคราะห์ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ไร้กลยุทธ์ป้องอธิปไตย?

การเมือง
15:14
2,854
วิเคราะห์ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ไร้กลยุทธ์ป้องอธิปไตย?
อ่านให้ฟัง
07:10อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"รศ.ปณิธาน" ระบุรัฐบาลออกแถลงการณ์ปมชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องดี แนะใช้เวทีระหว่างประเทศชี้แจง เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเพื่อดึงกัมพูชาร่วมลงทุน แทนการเปิดประเด็นสู้รบ มองกัมพูชาเตรียมยื่นศาลโลกมีความเป็นไปได้สูง

วันนี้ (4 มิ.ย.2568) รศ.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ กล่าวถึงยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในการเจรจา หรือ โต้กลับกัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเขตแดน โดยล่าสุดรัฐบาลเพิ่งจะออกแถลงการณ์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันจะปกป้องอธิปไตยไทยและ พร้อมเจรจากับรัฐบาลกัมพูชา 14 มิ.ย.นี้ ว่า เป็นข้อสังเกตจากการเปรียบเทียบจากนักวิเคราะห์และประชาชนทั่วไป ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติจะเรียกประชุม เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติให้รัดกุมและมีเอกภาพมากขึ้น ส่วนความชัดเจนในระดับนโยบายกรณีการไม่ใช้กำลัง ไม่ใช้ความรุนแรง การเจรจา ควรจะออกมาจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในชั่วโมงแรกๆ ที่เกิดการปะทะกัน เนื่องจากถ้ามีความชัดเจนจากระดับบน เสถียรภาพก็จะเกิดขึ้นทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ 

การที่รัฐบาลออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยยืนยันที่จะดำเนินการตามแนวทางปรองดอง ที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่แรก และการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติจะสอดคล้องกับแถลงการณ์ 

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ในเรื่องของความรู้สึกไม่ปลอดภัย ถึงแม้ว่าช่องทางชายแดน จุดผ่อนปรน กระเตื้องขึ้น แต่การสถาปนากำลังของกัมพูชาทำอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นอีกนโยบาย หรือ หนึ่งใน 3 ง่ามของกัมพูชา เห็นการเสริมกำลังไปหลายจุด วางกำลังที่กระจายไปกว้างขึ้นกับแนวต้านทหารไทยเป็นชั้นเป็นระบบ และมีกระแสข่าวการใช้โดรนบินลาดตระเวนในแนวต้านใหม่ ทั้งที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องกร่าง รวมถึงการเริ่มสร้างสนามทุ่นระเบิด และการวางเครื่องกีดขวางทางการทหารหลายชนิด

ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ทราบและนำไปพูดคุยในการเจรจา JBC ถึงกรณีดังกล่าวว่าการกระทำเช่นนี้แม้ว่าจะสามารถทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ความรู้สึกของกองกำลังทั้งสองฝ่ายยังคงคุกรุ่น ซึ่งได้หยิบยกมาพูดคุยนานาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทางการไทยยังไม่ได้โต้ตอบและชี้แจงอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องปรับแนวปฏิบัติให้ดีขึ้น

ขณะที่กรณีทางกัมพูชาเตรียมยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศถึงกรณีข้อพิพาทบริเวณชายแดน รศ.ปณิธาน ระบุว่ามีความเป็นไปได้สูง และมองว่ากัมพูชาได้เตรียมความพร้อมพอสมควร โดยเฉพาะใน 3 พื้นที่ที่ปักปันเขตแดน แต่ในส่วนของไทยก็มีความชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว ว่าถึงแม้จะเป็นภาคีสหประชาชาติ และเป็นสมาชิกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ว่าถ้าไม่ได้เป็นประโยชน์กับประเทศและหมิ่นเหม่ที่จะเสียเปรียบ ก็ไม่ต้องไปขึ้นศาลก็ได้ซึ่งเป็นเรื่องภายในที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ตามกติกาสากลจะต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าเหตุผลที่ไม่ไป เช่นหลักฐานที่ไม่ได้เป็นคุณกับไทย และเรื่องการดำเนินการหลายอย่างของกัมพูชาที่ทำให้ไทยกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงให้นานาชาติรับทราบ เพื่อไม่ให้มั่นใจว่าเราทำตามหลักกติกาสากล

ทั้งนี้ด้วยศักยภาพ ความสามารถ ด้วยหลักปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้ว ไทยควรใช้เวทีการประชุม Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายรุกรานก่อน และสิ่งที่เกิดขึ้นต้องหาทางแก้ไข ในระดับทวิภาคี

ซึ่งทางทีมไทยไม่ได้ชี้แจงในเวทีนี้อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีความชัดเจนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งควรจะมีการกำหนดกรอบให้ชัดเจนการจะร่วมประชุม
บางทีหน่วยงานไม่อยากออกจากกรอบ อาจจะสะท้อนถึงความไม่เอกภาพ แล้วยังอยู่ในหน่วยงานของตัวเองเป็นหลัก

รศ.ปณิธาน ได้มีข้อเสนอว่าประเทศไทยใช้ตามแนวทางที่มีอยู่ ไม่กล่าวหาใคร ไม่เปิดประเด็นในเวทีระหว่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดความสุ่มเสี่ยง และการประชุม JBC ที่กัมพูชาเลื่อนไป จะต้องประชุมให้เร็วขึ้น บ่อยขึ้น แต่อาจจะเสริมกลไกพิเศษนอกเหนือจาก JBC GBC RBC เพราะกลไกดังกล่าวไม่ได้ออกแบบมาเพื่อแก้วิกฤติแบบนี้

การเปิดพื้นที่ใหม่ๆ ถึงแม้จะมีเรื่องความหมิ่นเหม่ ความกังวล ในเรื่องการพัฒนาแหล่งพลังงานในทะเล รวมถึงการยกเลิก MOU 43 ซึ่งการเปิดพื้นที่ใหม่ๆ เหล่านี้ บนพื้นฐานความเป็นธรรม โปร่งใส และให้แน่ชัดว่าผลประโยชน์ทางทะเลมาถึงประชาชน ไม่ใช่เพียงคนใดคนหนึ่ง เพื่อให้กัมพูชาหันมาร่วมมือกับไทย แทนที่จะเปิดประเด็นพื้นที่พิพาท หรือการสู้รบกัน

สำหรับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างทางรัฐบาลไทย และกัมพูชา มองว่าเป็นผลดี เป็นปัจจัยเสริม แต่ในสถานการณ์บางอย่าง ในบางประเทศ จะกลายเป็นปัจจัยลบได้ ถ้าเกิดความไม่โปร่งใส เกิดความทับซ้อนซึ่งกันและกัน ซึ่งในหลายๆ ประเทศที่เกิดความทับซ้อนจนเกิดวิกฤต

ถ้าแยกแยะได้ ก็จะเกิดปัจจัยเสริม และไม่ย้อนแย้ง ซึ่งความย้อนแย้งนี้อาจจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานชะงัก และยากลำบากมากขึ้น เพราะฉะนั้นการทำให้ชัดเจน ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์และไม่มีการย้อนแย้งกัน อาจจะดีที่สุด

ฝ่ายกัมพูชาในสัปดาห์ที่แล้วดูเหมือนว่าใช้ความสัมพันธ์เพื่อเป็นประโยชน์กับประเทศในการประชุมพรรค สะท้อนชัดเจนว่ามีความพึงพอใจ ในการดำเนินการนโยบาย 3 ด้าน หรือ 3 ง่าม บนพื้นฐานความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่ทำให้ได้ประโยชน์ ซึ่งอาจจะทำให้มีความมั่นใจที่จะไปถึงศาลระหว่างประเทศและวางกำลังแนวต้านที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

นอกจากนี้ รศ.ปณิธาน กล่าวถึงบทบาทผู้นำของไทย และความเป็นเอกภาพ การเรียกประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคง เพื่อกำหนดนโยบาย หรือ การฝ่ายบริหารลงพื้นที่และกำหนดแนวปฏิบัติในทันที ทำให้กัมพูชาจะรับทราบได้ทันทีและจะลดราวาศอก 

อ่านข่าว :

มท.แจ้งด่วนผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลความปลอดภัย ปชช.

"ทวี" มองปมไทย-กัมพูชาไม่ถึงจุดฟ้องศาลโลก เชื่อ "ภูมิธรรม" ไร้ขัดแย้ง กองทัพ

"กองทัพบก" เช็กกำลังพร้อมรบ รองรับสถานการณ์ชายแดนตะวันออก