ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เวียดนามยกเลิกจำกัดลูก! หวังแก้เกิดต่ำก่อนสายเกินไป

ต่างประเทศ
15:41
197
เวียดนามยกเลิกจำกัดลูก! หวังแก้เกิดต่ำก่อนสายเกินไป
อ่านให้ฟัง
08:44อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ประเทศไทยเผชิญวิกฤตประชากรลดลง อัตราการเกิดต่ำสุดในรอบ 75 ปี เหลือเพียง 1.0 ในปี 2567 ขณะที่เวียดนามยกเลิกนโยบายจำกัดบุตร หลังอัตราการเกิดลดต่อเนื่อง สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ท้าทายทั้ง 2 ประเทศอาเซียน

วันนี้ (11 มิ.ย.2568) ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นสัญญาณเตือนถึงความไม่สมดุลทางประชากรที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้รวบรวมข้อมูล "อัตราการเจริญพันธุ์" (จำนวนเฉลี่ยของบุตรที่จะเกิดมาจากผู้หญิงคนหนึ่งในช่วงชีวิต) ของประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีล่าสุดที่ตัวเลขลดฮวบลงจนต่ำกว่าระดับทดแทนประชากร (2.1 คนต่อหญิงหนึ่งคน) ดังนี้

  • พ.ศ. 2567 : 1.0
  • พ.ศ. 2566 : 1.1
  • พ.ศ. 2565 : 1.2
  • พ.ศ. 2564 : 1.5
  • พ.ศ. 2563 : 1.5

สถานการณ์ "เกิดน้อยกว่าตาย" ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า

  • พ.ศ. 2567: เกิด 462,240 คน ตาย 571,646 คน
  • พ.ศ. 2566: เกิด 517,934 คน ตาย 565,992 คน
  • พ.ศ. 2565: เกิด 502,107 คน ตาย 595,965 คน

จากข้อมูลข้างต้น นำไปสู่โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ และในอนาคตจะเข้าสู่ "สังคมสูงวัยระดับสุดยอด" ซึ่งหมายถึงการที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก ขณะที่ประชากรวัยแรงงานลดลงอย่างชัดเจน

เมื่อคนวัยทำงานลดลง แต่ผู้สูงอายุกลับเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและแรงงาน เพราะจะมีคนทำงานน้อย แต่มีผู้เกษียณอายุมากขึ้น ขณะเดียวกันภาคธุรกิจอาจประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการเติบโตของประเทศก็จะชะลอตัวระยะยาวอีกด้วย

ขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบกับภาวะประชากรลดลงอย่างหนัก เวียดนามก็เผชิญกับแนวโน้มเดียวกัน แม้อัตราการเกิดของเวียดนามจะยังสูงกว่าประเทศไทย แต่ก็ลดลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลตัดสินใจ ยกเลิกนโยบายจำกัดจำนวนบุตรอย่างเป็นทางการหลังใช้นโยบายนี้มายาวนานเกือบ 40 ปี

เวียดนามยกเลิกนโยบายจำกัดจำนวนบุตร

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2531 รัฐบาลเวียดนามเริ่มใช้นโยบายควบคุมประชากร โดยจำกัดให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้ไม่เกิน 2 คน เพื่อลดอัตราการเกิดที่เคยสูงถึงกว่า 4 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน อย่างไรก็ตาม เมื่อแนวโน้มการเกิดลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เวียดนามจึงเริ่มผ่อนปรนแนวทาง และล่าสุดได้มีการปรับเปลี่ยนเชิงนโยบายสำคัญในปี 2568 นี้

สื่อเวียดนามรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามได้ยกเลิกนโยบายประชากรที่เคยจำกัดให้แต่ละครอบครัวสามารถมีบุตรได้เพียง 1-2 คนเท่านั้น

โดยข้อกำหนดใหม่ระบุให้ คู่สมรสมีสิทธิ์ตัดสินใจเอง เกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะมีบุตร จำนวนบุตร และระยะห่างการคลอดแต่ละครั้ง โดยพิจารณาจากอายุ สุขภาพ การศึกษา การทำงาน รายได้ และความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรของแต่ละบุคคลหรือคู่สมรสบนพื้นฐานที่เท่าเทียม

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ในเดือน มี.ค. คณะกรรมการตรวจสอบกลางได้ออกแนวทางว่าด้วยการลงโทษทางวินัยต่อองค์กรพรรคและสมาชิกพรรคที่ละเมิดข้อกำหนด โดยระบุว่า สมาชิกพรรคที่มีบุตรคนที่ 3 ขึ้นไป จะไม่ถูกลงโทษทางวินัยอีกเหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อเวียดนามได้ยกเลิกข้อจำกัดจำนวนบุตรของแต่ละคู่สมรสอย่างเป็นทางการ จึงไม่ลงโทษสมาชิกพรรคที่มีลูกคนที่ 3 ขึ้นไปอีกต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข Đào Hồng Lan ด่าว ฮ่ง ลาน ระบุว่า "การแก้ไขครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความแตกต่างของอัตราการเกิดระหว่างภูมิภาคและกลุ่มประชากร รวมถึงป้องกันไม่ให้อัตราการเกิดลดต่ำเกินไป จนไม่ถึงระดับทดแทน หากสถานการณ์อัตราการเกิดต่ำ ยังคงดำเนินต่อไปในระยะยาว อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และการป้องกันประเทศในอนาคต"

เวียดนามเกิดต่ำลงต่อเนื่อง แม้เคยอยู่ในระดับทดแทน

จากสถิติของกรมประชากรเวียดนาม กระทรวงสาธารณสุข อัตราการเจริญพันธุ์รวมของประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดังนี้

  • พ.ศ. 2562 : 2.09
  • พ.ศ. 2564 : 2.11
  • พ.ศ. 2565 : 2.01
  • พ.ศ. 2566 : 1.96
  • พ.ศ. 2567 : 1.91

แม้ปี 2567 จะเป็น "ปีมะโรง" ซึ่งถือเป็นปีมงคล ตามความเชื่อที่นิยมมีบุตรในปีนี้ แต่สถิติการเกิดกลับยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าปัจจัยด้านความเชื่อไม่ใช่แรงผลักดันหลักอีกต่อไปในการตัดสินใจมีบุตรของประชาชน

นครโฮจิมินห์ เมืองเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม 21 จังหวัดและเมืองที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต

นักวิชาการเวียดนามเตือน "เกิดต่ำ ฟื้นยาก"

รองศาสตราจารย์ ดร. เหงียน ดึ๊ก วินห์ Nguyễn Đức Vinh ผู้อำนวยการสถาบันสังคมวิทยา สังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมเวียดนาม ระบุว่า "เมื่ออัตราการเจริญพันธุ์ลดลงแล้ว จะเป็นเรื่องยากมากที่จะกลับขึ้นไปถึงระดับทดแทนได้อีก ในช่วงปี 2543-2558 มี 32 ประเทศทั่วโลกที่อัตราการเจริญพันธุ์ต่ำกว่าระดับทดแทน พยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีประเทศใดสามารถกลับไปถึงระดับทดแทนหรือสูงกว่าได้เลย" และยังกล่าวเสริมอีกว่าหลายครอบครัวอยากมีลูก 2 คน แต่ก็ไม่มีแผนจะมีจนครบ หรือไม่สามารถทำได้จริง

อะไรทำให้อัตราการเกิดต่ำ

สาเหตุของอัตราการเกิดต่ำทั้งของไทยและเวียดนามไม่ได้ต่างกันนัก โดยมีผลพวงมาจากปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก ผู้เชี่ยวชาญระบุ สาเหตุมาจาก ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาทางการเงิน การให้ความสำคัญกับหน้าที่การงาน และบรรทัดฐานทางสังคมที่เปลี่ยนไป สำหรับพื้นที่ชนบทซึ่งแต่เดิมมีแนวโน้มแต่งงานเร็วและยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิม ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน

การที่อัตราการเกิดต่ำ อาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงในระยะยาว เช่น จำนวนประชากรวัยแรงงานลดลง การเข้าสู่สังคมสูงวัยเร็วขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ผู้เชี่ยวชาญเตือนหากไม่มีการดำเนินการใด ๆ เวียดนามอาจเผชิญภาวะ "ประชากรถดถอย" เช่นเดียวกับบางประเทศที่กำลังประสบอยู่ขณะนี้

แหล่งข้อมูล : VnExpressTuoiTre OnlineBáo Hà Tĩnh

เรียบเรียง : ศศิมาภรณ์ สุขประสิทธิ์ นักศึกษาฝึกงาน โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อ่านข่าวเพิ่ม :

นักวิชาการชี้ "อัตลักษณ์เชิงอาณาเขต" สะท้อนชาตินิยมกัมพูชา

ฝากขัง "หมอแอร์" ค้านประกัน เจ้าตัวปฏิเสธตอบสื่อ