ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ฮุนเซน" ขอนานาชาติกดดันไทยไปศาลโลกแก้พื้นที่พิพาท

ต่างประเทศ
09:24
670
"ฮุนเซน" ขอนานาชาติกดดันไทยไปศาลโลกแก้พื้นที่พิพาท
"ฮุน เซน" ประธานวุฒิสภากัมพูชา ขอนานาชาติกดดันไทยให้เข้าใจว่า หากใช้กลไกทวิภาคีต่อไป อีก 100 ปี ปัญหาก็ไม่จบ มีเพียงศาลโลกเท่านั้นที่สามารถตัดสินข้อพิพาทได้อย่างเด็ดขาด ชี้การหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการละเมิดและไม่เคารพหลักนิติธรรมในระเบียบโลก

วันนี้ (14 มิ.ย.2568) สมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องให้นานาประเทศร่วมกันกดดันรัฐบาลไทย ให้ยุติข้อพิพาทพรมแดนกับกัมพูชาผ่านกระบวนการยุติธรรมของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยระบุข้อความว่า ณ เวลานี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่า ทั้งเพื่อนร่วมชาติของเราและมิตรสหายจากนานาประเทศ คงเข้าใจได้มากขึ้นถึงเหตุผลที่ข้าพเจ้าตัดสินใจสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนกัมพูชาในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติลงมติ "คัดค้าน" รัสเซียจากกรณีการรุกรานยูเครนในปี ค.ศ. 2022 - การตัดสินใจที่สร้างความแปลกใจให้หลายประเทศต่อจุดยืนของกัมพูชาในครั้งนั้น

ข้าพเจ้าเชื่อมาโดยตลอดว่า วันหนึ่งประเทศไทยอาจกระทำการบางอย่างซ้ำรอยกับเหตุการณ์ระหว่างปี 2008 ถึง 2011 และในวันนี้ เราเริ่มเห็นพฤติกรรมที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และมีลักษณะรุกรานอย่างชัดเจน ดังนั้น การตัดสินใจของข้าพเจ้าในขณะนั้น จึงสามารถเข้าใจได้ในบริบทของชุมชนนานาชาติที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม รวมถึงในบริบทของความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับประเทศไทยในอนาคต

กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่ยึดมั่นในนโยบายต่างประเทศภายใต้หลักนิติธรรม สนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ และเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ

กัมพูชา ขอให้ประเทศที่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ สนับสนุนให้ประเทศไทยแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนร่วมกับกัมพูชาผ่านกระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยเฉพาะใน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างกัมพูชา ลาว และไทย
2. ปราสาทตาเมือนธม
3. ปราสาทตาเมือนโต๊ต
4. ปราสาทตาควาย

กัมพูชาไม่ได้ร้องขออาวุธหรือกระสุนที่นำไปสู่การนองเลือดกับประเทศไทย แต่กัมพูชาต้องการการสนับสนุนให้หันหน้าเข้าสู่แนวทางสันติวิธี ผ่านการเจรจาทวิภาคีและกระบวนการทางกฎหมาย

เส้นเขตแดนระหว่างกัมพูชา-ไทยมีความยาวมากกว่า 800 กิโลเมตร แต่กัมพูชาเพียงขอให้พิจารณา 4 พื้นที่ ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางทหารในอนาคต และต้องได้รับการแก้ไขล่วงหน้าผ่านกระบวนการศาล เพราะปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้แม้ภายใน 100 ปีหากอาศัยเพียงกลไกทวิภาคี ดังนั้น มีเพียงศาลโลกเท่านั้นที่สามารถตัดสินข้อพิพาทเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด

การเลือกใช้เส้นทางกฎหมาย ไม่ใช่การยั่วยุให้เกิดสงคราม แต่เป็นหนทางที่สันติ ถูกต้องตามกฎหมาย และป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือดในอนาคต สำหรับรัฐบาลแล้ว การแก้ปัญหาผ่านศาลยังทำให้สามารถอธิบายผลลัพธ์ต่อประชาชนของตนได้อย่างชัดเจน แม้คำตัดสินจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็ตาม

ในหมู่ประเทศอาเซียน เรามีตัวอย่างที่ดี อาทิ อินโดนีเซียกับมาเลเซีย หรือสิงคโปร์กับมาเลเซีย ซึ่งต่างก็เคยนำข้อพิพาทด้านเขตแดนเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก และยอมรับคำตัดสิน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการทูตของประเทศเหล่านั้นยังคงแน่นแฟ้น และไม่เกิดความตึงเครียดในระยะยาว

การหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการละเมิดและไม่เคารพหลักนิติธรรมในระเบียบโลกที่ยึดมั่นและให้เกียรติกฎหมาย

อ่านข่าว : 

"ฮุน มาเนต" ย้ำ JBC ไม่คุย 4 พื้นที่พิพาท ยื่นศาลโลก 15 มิ.ย.นี้

14 มิ.ย. ประชุม JBC แก้ปมพิพาทไทย-กัมพูชา

“ฮุน เซน” เปิด 6 มาตรการ เตรียมตอบโต้ไทยถ้ายังปิดด่าน