วันนี้ (19 มิ.ย.2568) ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเข้าสู่วันที่ 7 โดยไร้วี่แววคลี่คลาย การโจมตีด้วยขีปนาวุธและการตอบโต้ทางอากาศทวีความรุนแรง ส่งผลให้หลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และจีน เร่งอพยพพลเมืองออกจากพื้นที่ขัดแย้งเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเสี่ยงจุดชนวนสงครามใหญ่และวิกฤตพลังงานโลก
สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินรับพลเมือง
สหรัฐฯ ออกคำเตือนระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ห้ามพลเมืองอเมริกันเดินทางไปอิสราเอล กาซา เวสต์แบงก์ และอิหร่าน เนื่องจากความขัดแย้งทางอาวุธ การก่อการร้าย และความไม่สงบ สถานทูตสหรัฐฯ ในอิสราเอล ภายใต้เอกอัครราชทูต ไมค์ ฮัคคาบี จัดเตรียมเที่ยวบินอพยพและเรือสำราญ เพื่อเคลื่อนย้ายพลเมืองออกจากอิสราเอล โดยเริ่มอพยพนักการทูตที่ไม่จำเป็นและครอบครัวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (18 มิ.ย.) ผ่านเครื่องบินทหารไปยังจุดปลอดภัยในยุโรปและจอร์แดน
ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งตัดสินใจกลับจากประชุม G7 ที่แคนาดาก่อนกำหนดเพื่อรับมือวิกฤต กล่าวในทำเนียบขาวว่า กำลังประชุมเพื่ออพยพพลเมืองจากอิสราเอล และยังไม่ตัดสินใจว่าจะโจมตีอิหร่านหรือไม่ ทรัมป์ยังโพสต์บน Truth Social ว่า สหรัฐฯ ควบคุมน่านฟ้าอิหร่านได้อย่างสมบูรณ์ และขู่ให้เตหะรานยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข ข้อมูลจาก ABC News ระบุว่า ทรัมป์อนุมัติแผนโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ของอิหร่าน แต่ยังรอจังหวะสุดท้ายเพื่อประเมินการยอมจำนนของอิหร่าน
การเตรียมการของสหรัฐฯ รวมถึงการส่งเครื่องบินรบเพิ่มและเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz ไปยังภูมิภาค เพื่อป้องกันการตอบโต้จากอิหร่าน ซึ่งอาจโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรักหรือกาตาร์ อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาคองเกรส เช่น วุฒิสมาชิกจิม ริช เตือนว่านี่ไม่ใช่สงครามของเรา หวั่นซ้ำรอยความล้มเหลวในอิรักและอัฟกานิสถาน
สำหรับพลเมืองในอิหร่าน สหรัฐฯ แนะนำให้ออกจากประเทศทันทีผ่านเส้นทางบกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อาร์เมเนีย หรือเติร์กเมนิสถาน เนื่องจากน่านฟ้าอิหร่านถูกปิด หากออกไม่ได้ ต้องเตรียมหลบภัยนานหลายสัปดาห์

จีนสั่งอพยพ 700 คนไปพื้นที่ปลอดภัย
จีนออกคำสั่งการอพยพพลเมืองอย่างรวดเร็ว โดยเคลื่อนย้ายกว่า 700 คนจากอิสราเอลและอิหร่านไปยัง "พื้นที่ปลอดภัย" โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า มีพลเมืองอีกกว่า 1,000 คนอยู่ในระหว่างการย้าย โดยใช้รถบัสจากเตหะรานไปยังเติร์กเมนิสถานและอาเซอร์ไบจาน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน
ในอิสราเอล จีนอพยพพลเมืองบางส่วนผ่านเส้นทางบกไปยังจอร์แดนและอียิปต์ โดยประสานงานกับสถานทูตในเทลอาวีฟ การปิดน่านฟ้าตะวันออกกลางทำให้จีนต้องพึ่งพาการขนส่งทางบกเป็นหลัก การเคลื่อนไหวของจีนสะท้อนถึงความกังวลต่อความปลอดภัยของพลเมืองและความพยายามรักษาอิทธิพลในภูมิภาคท่ามกลางวิกฤต
จีนยังคงท่าทีเป็นกลาง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจและแก้ปัญหาด้วยการเจรจา เพื่อป้องกันความขัดแย้งลุกลาม ซึ่งอาจกระทบเส้นทางพลังงานและการค้าของจีนในตะวันออกกลาง

น่านฟ้าปิด! หลายประเทศเร่งอพยพพลเมืองผ่านเส้นทางบก
ความขัดแย้งที่เริ่มจากการโจมตีของอิสราเอลต่อโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ลุกลามเป็นการยิงขีปนาวุธตอบโต้กันอย่างหนัก อิสราเอลสั่งอพยพประชาชนในเตหะรานบางส่วน ระบุว่าจะโจมตีโครงสร้างทหาร ส่งผลให้เกิดความโกลาหล รถติดยาวหลายกิโลเมตร ขณะชาวอิหร่านพยายามหนีไปทางเหนือ อิหร่านตอบโต้ด้วยขีปนาวุธ 10 ลูกยิงใส่อิสราเอล ทำลายโรงพยาบาลในเมืองเบเออร์เชวา และโจมตีด้วยโดรนเจาะบังเกอร์ที่เมืองนาจาฟาบัด คร่าชีวิต 6 คน รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และเด็ก
อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ปฏิเสธการยอมจำนน และขู่ว่าการแทรกแซงของสหรัฐฯ จะนำ "ผลกระทบที่แก้ไขไม่ได้" อิหร่านยังเตือนว่าจะถอนตัวจากสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) หากถูกโจมตีต่อ ความเสี่ยงที่อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งควบคุมการส่งน้ำมันร้อยละ 35 ของโลก อาจจุดชนวนวิกฤตพลังงาน ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบปี สร้างความปั่นป่วนในตลาดโลก
- อินเดีย อพยพนักเรียน 110 คนจากอิหร่านผ่านอาร์เมเนีย ภายใต้ "ปฏิบัติการสินธุ"
- โปแลนด์ อพยพ 200 คนจากอิสราเอลและจอร์แดน และย้ายนักการทูตจากเตหะรานไปอาเซอร์ไบจาน
- ปากีสถาน อพยพ 107 คนจากอิหร่านทางบก และผู้แสวงบุญ 400 คนก่อนหน้านี้
- ไทย สถานทูตในเตหะรานจัดที่พักชั่วคราวในเมือง Amol และแนะนำให้คนไทยออกจากอิหร่านด่วน
- แคนาดา และ สหราชอาณาจักร ออกคำเตือนห้ามเดินทาง และถอนครอบครัวนักการทูตจากอิสราเอล

องค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายปกป้องพลเรือน หลังยอดผู้เสียชีวิตในอิหร่านพุ่งถึง 639 ราย และในอิสราเอลมีผู้บาดเจ็บนับร้อย รัสเซียเสนอตัวไกล่เกลี่ย โดย ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า อิหร่านไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือทางทหาร อย่างไรก็ตาม รัสเซียได้ประโยชน์จากวิกฤตนี้ เพราะเบี่ยงความสนใจจากสงครามยูเครนและหนุนราคาน้ำมัน
หากอิสราเอลและสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์หรือเป้าหมายสำคัญของอิหร่าน อาจเกิดสงครามเต็มรูปแบบ อิหร่านอาจตอบโต้ด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ หรือยิงฐานทัพในภูมิภาค ความล่มสลายของระบอบอิหร่านอาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง ผู้อพยพนับล้าน และภัยคุกคามจากวัสดุนิวเคลียร์ที่อาจตกสู่มือผู้ก่อการร้าย
การเจรจาทางการทูต โดยเฉพาะในเจนีวาที่ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักรเตรียมหารือกับอิหร่าน เป็นความหวังสุดท้ายในการลดความตึงเครียด แต่ท่าทีแข็งกร้าวของทุกฝ่ายและการปิดน่านฟ้าทำให้โอกาสสันติภาพริบหรี่

ที่มา : CNN, Anadolu Ajansı, The national news, Chinadaily
อ่านข่าวอื่น :