วันนี้ (22 มิ.ย.2568) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันนี้ กัมพูชาจะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซทุกชนิดจากประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีศักยภาพเพียงพอในการจัดหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่น เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ไม่เฉพาะแค่เดือนเดียว แต่มั่นใจสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ "ตลอดไป"

การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังฝ่ายค้านไทยเสนอให้ระงับส่งออกน้ำมันเพื่อกดดันกัมพูชา ซึ่งสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกฯ และ ประธานวุฒิสภา วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น "เกมอันตราย" ที่อาจย้อนกลับมาทำลายเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะบริษัท ปตท. ซึ่งมีสถานีบริการน้ำมัน 186 แห่งในกัมพูชา
ความเคลื่อนไหวนี้จุดชนวนความกังวลในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะในเมืองปอยเปต ที่เริ่มกักตุนน้ำมันและน้ำดื่มจากไทย เนื่องจากราคาน้ำมันในกัมพูชาสูงกว่า เช่น น้ำมันเบนซิน 95 ในกัมพูชาราคา 50 บาท/ลิตร เทียบกับ 41.54 บาทในไทย
อย่างไรก็ตาม นายอุม เรียแตรีย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ปฏิเสธข่าวลือว่าชาวกัมพูชาแห่ข้ามแดนมาเติมน้ำมันในไทย โดยระบุว่ารถยนต์ที่เห็นเป็นการเดินทางตามปกติ ด้านสมเด็จ ฮุน เซน เสนอให้รัฐบาลกัมพูชาลดการพึ่งพาสินค้าไทย รวมถึงระงับนำเข้าสินค้ากระป๋อง เช่น เครื่องดื่มและอาหารกระป๋อง พร้อมข่มขู่ตอบโต้ด้วยมาตรการอื่น เช่น การเรียกแรงงานกัมพูชากลับประเทศ ซึ่งอาจกระทบภาคอุตสาหกรรมของไทย
สถานการณ์นี้ทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีตึงเครียดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังกัมพูชาปิดด่านช่องจวมและบ้านจุ๊บโกกี เพื่อตอบโต้ไทยที่ปิดด่านช่องสายตะกู
อ่านข่าวอื่น :
เปิดสถิติการค้า-การลงทุน ไทยเกินดุลกัมพูชา 5 หมื่นล้านบาท
“ด่านช่องจอม” เงียบ รถบรรทุกพ่วงกว่า 70 คัน รอขนมันกลับจากกัมพูชา