ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ไทย-กัมพูชา" แยกกันไม่ได้ ต้องรีเซ็ตสัมพันธ์ "ลิ้น-ฟัน" ครั้งใหญ่

ต่างประเทศ
14:24
692
 "ไทย-กัมพูชา" แยกกันไม่ได้ ต้องรีเซ็ตสัมพันธ์ "ลิ้น-ฟัน" ครั้งใหญ่
อ่านให้ฟัง
06:29อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ไทยกับกัมพูชา ไม่อาจแยกกันอยู่ได้ เหมือนลิ้นกับฟัน ที่ต้องกระทบกระทั่งกันบ้าง และอาจจะบ่อยครั้งในสภาพแวดล้อมทางการเมืองและสังคมที่เปราะบางเช่นทุกวันนี้

แต่ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องรักษาและประสานสายสัมพันธ์ให้ดำเนินต่อไปให้ได้ เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนทั้งสองฝั่งจะต้องรับเคราะห์ไปด้วย ถ้าไม่แก้ไข อาจส่งผลต่อเนื่องไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานในอนาคต และทำให้ประชาคมอาเซียนเสียชื่อได้

ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งตามแนวชายแดนตลอดเวลากว่าหกทศวรรษมาจาก การพัฒนาการเมืองภายในของทั้งสองประเทศ ไทยเป็นประเทศมีเอกราชไม่เคยอยู่ในการปกครองต่างชาติ ส่วนกัมพูขาได้รับอิทธิพลจากมรดกอันคลุมเครือ ในยุคล่าอาณานิคมที่ยังคงส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเหตุการณ์ในปัจจุบัน ความไม่ชัดเจนในเส้นเขตแดนและการตีความเอกสารยุคอาณานิคมยังเป็นปมเรื้อรังที่ไม่มีใครกล้าแตะอย่างจริงจัง

เหตุการณ์ที่อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน เปิดเผยเทปการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีไทย แพทองธาร ชินวัตร เป็นบทเรียนอันเจ็บแสบสำหรับ “อุ๊งอิ๊งค์” เพราะต้องเผชิญกับนักการเมืองที่มากด้วยประสบการณ์ที่สุดคนหนึ่งในเวทีโลก และถูก “สอนมวย” อย่างไม่ทันตั้งตัว

บทเรียนที่สำคัญคือ การเมืองระหว่างประเทศไม่ใช่เวทีผู้นำจะพูดอย่างไรก็ได้ การพูดคุยในลักษณะที่นายกรัฐมนตรีไทยแสดงออกกับสมเด็จฮุน เซน จึงกลายเป็นเรื่องที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้นำสองประเทศเปิดบทสนทนาอย่างไม่เป็นทางการในลักษณะนี้ต่อสาธารณะ

สมเด็จฮุน เซน มีไหวพริบและเล่ห์เหลี่ยมเหนือชั้น ได้บันทึกบทสนทนาไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเจรจาทวิภาคีในทุกเรื่องที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต มีรายงานจากแหล่งข่าวในพนมเปญว่า พรรคฝ่ายค้านไทยก็อาจได้เทปชุดนี้ไว้ในครอบครอง และสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือแบล็คเมล์ทางการเมืองได้เช่นกัน

ไม่น่าแปลกใจ สมเด็จฮุน เซน เองเปิดเผยว่าได้แจกจ่ายเทปนี้ให้กับคนในพรรคและรัฐบาลประมาณ 80 คน ซึ่งยิ่งทำให้ต้องระมัดระวังไม่ให้สถานการณ์ลุกลามหรือเกิดการปะทะ เพราะหากเทปนี้หลุดไปถึงมือฝ่ายตรงข้ามในไทย ผลลัพธ์ทางการเมืองอาจรุนแรงและยากควบคุม

สมเด็จฮุน เซนตัดสินใจเปิดเกมการเมืองครั้งนี้เอง เป็นการเล่นหมากที่ตนถนัดและเชี่ยวชาญ และผลลัพธ์ก็ปรากฏให้เห็นแล้ว รัฐบาลและประชาชนกัมพูชาอาจรู้สึกสะใจกับความโกลาหลในการเมืองไทยที่เกิดตามมา แต่ผลสุดท้าย ผลกระทบก็จะย้อนกลับไปถึงรัฐบาลกัมพูชาในอนาคต

บทบาทของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต บุตรชายของฮุน เซน ยังมีจำกัด เพราะบิดายังเป็นผู้ควบคุมและกำหนดทิศทางนโยบายอยู่เบื้องหลัง ขณะนี้ฮุน มาเนตยังแข่งขันกับบารมีของพ่อในทุกๆเรื่องและก้าวย่าง

ในช่วงนี้ ฝ่ายความมั่นคงของไทยมีแนวโน้มจะใช้การเปิด-ปิดด่านชายแดนเป็นเครื่องต่อรองกับกัมพูชา ซึ่งไทยเองก็เข้าใจดีว่า ทุกครั้งที่มีการปิดหรือเปิดด่าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด ก็ย่อมกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั้งสองฝั่งทันที

หวังว่าการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งต่อไปจะมีขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อวางระเบียบชายแดนและข้อตกลงใหม่ ๆ ที่ชัดเจนในการบริหารจัดการพรมแดนร่วมกันอย่างสันติ

ในขณะเดียวกัน กองทัพไทยและกัมพูชาที่ยังตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่แนวปะทะก็จำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการยิงกันอีก เหมือนเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะแรงกดดันและการยั่วยุระดับรากหญ้าสามารถปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม

แม้ผู้นำกองทัพทั้งสองฝ่ายจะมีการพูดคุยกัน แต่แรงกดดันจากการเมืองภายใน ประเทศอาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ฉับพลัน แม้ในกัมพูชาจะไม่มีฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ พรรคประชาชนกัมพูชาของสมเด็จฮุน เซนก็จำเป็นต้องแสดงบทบาทเต็มที่ เพราะตัวเขาเองเป็นคนสร้างวาทกรรมเกี่ยวกับไทยเกือบทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชากำลังเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติ รายงานล่าสุดขององค์การสหประชาชาติชี้ชัดว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางหลอกลวงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะกับประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอื่น ๆ ศูนย์อาชญากรรมเหล่านี้ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

ไทยกับกัมพูชาเป็นความสัมพันธ์ที่เปราะบางและละเอียดอ่อนที่สุดในบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งสองเคยมีประวัติการแย่งชิงดินแดนและทำสงครามกัน นอกจากนี้ ครอบครัวของผู้นำทั้งสองประเทศยังรู้จักกันมานานกว่า 30 ปี มีทั้งเรื่องที่เป็นความลับและไม่ลับ ซึ่งทำให้ความสัม พันธ์ทั้งที่เป็นส่วนตัวกับทางการในระดับทวิภาคีและพหุภาคียิ่งซับซ้อนมากขึ้น

นับจากนี้ไป มิตรภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาคงไม่อาจหวนกลับไปสู่สภาพเดิมได้อีก จำเป็นต้องมีการปรับความเข้าใจและสร้างความร่วมมือใหม่ ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน เพราะความปรารถนาดี ๆ ที่เคยมีต่อกันได้ถูกทำลายลงไปเกือบหมดในช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมา

ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองประเทศจะต้อง "รีเซ็ต" ความสัมพันธ์ครั้งใหญ่

มองเทศคิดไทย: โดย กวี จงกิจถาวร สื่อมวลชนอาวุโส

 อ่านข่าว

พลังดูด "ภูมิใจไทย-เพื่อไทย-กล้าธรรม" สส.งูเห่า "ขนมผสมน้ำยา"

จับกระแสการเมือง: รัฐบาลเพื่อไทย “กอดคอ”พรรคร่วมฯ สู้ครั้งสุดท้าย “ทำลายตัวเอง” ?

กฎหมายไล่บี้ "แพทองธาร-โคม่า ทักษิณ-ตรีทูต" จุดเปลี่ยน ชินวัตร