ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เจาะเส้นเงิน ต้องสงสัย “400 ล้าน” โยงฮั้วเลือกตั้ง สว. 24 จังหวัด

การเมือง
13:07
434
เจาะเส้นเงิน ต้องสงสัย “400 ล้าน” โยงฮั้วเลือกตั้ง สว. 24 จังหวัด
อ่านให้ฟัง
07:57อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ยังรอลุ้น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.กลาโหม และ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีมติอย่างไร หลังเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.2568) มีคำสั่ง  “รอ” ความเห็นและเอกสารหลักฐานจากเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเรียกไปแล้ว ก่อนจะชี้ ความเป็นรัฐมนตรีของบุคคลทั้ง 2 จะสิ้นสุดลงหรือไม่ ปมถูกร้องใช้ ดีเอสไอ เป็นเครื่องมือรับ “ฮั้วเลือกตั้ง สว.” คดีพิเศษ

ขณะที่ดีเอสไอยังคงเดินหน้าทำ “คดีฮั้วเลือก สว.” ความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือ “คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน” คดีพิเศษที่ 24/2568 อย่างต่อเนื่อง

หลังพนักงานสอบสวน กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และผู้ที่เกี่ยวข้องและพบความเชื่อมโยง จนเป็นที่มาในการเรียกสอบพยานล็อตแรกจำนวน 7 คน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดยกลุ่มบุคคล ชุดแรกที่ถูกเรียกสอบในฐานะ “พยาน” มาจาก 3 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ คือ สุราษฎร์ธานี จำนวน 4 ราย มี นายวรพจน์ (สงวนนามสกุล), น.ส.สินิตา (สงวนนามสกุล), นายสุบิน (สงวนนามสกุล) และ น.ส.ญาณี (สงวนนามสกุล)

พื้นที่ภาคอีสาน คือ จังหวัดหนองบัวลำภู มี 1 ราย คือ น.ส.ภัณนิภา (สงวนนามสกุล) และภาคเหนือ ในจังหวัดลำพูน มี 2 ราย คือ นายอากร (สงวนนามสกุล) และนายอาทร (สงวนนามสกุล)

แต่เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) มีเพียง น.ส.สินิตา (สงวนนามสกุล) พยานจาก จ.สุราษฎร์ธานี คนเดียวที่เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ส่วนที่เหลือคาดว่าอยู่ระหว่างการทยอยเข้าให้ปากคำตามหมายกำหนดนัด ทั้งนี้กลุ่มกลุ่มคนดังกล่าว ที่เข้าให้ปากคำในฐานะพยานได้รับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561

รายงานจากพนักงานสอบสวนระบุว่า แม้กลุ่มบุคคลที่ถูกเรียกสอบจะไม่ใช่ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แต่การตรวจสอบเบื้องต้น พบความเชื่อมโยงและเกี่ยวพันกันทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ, ภาคอีสาน และภาคใต้ มีการกระทำใน 2 ลักษณะ คือ มีการโอนเงินในลักษณะเครือข่ายที่มีการจ้างผู้สมัคร 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี, ลำพูน และหนองบัวลำภู

นอกจากนี้ ยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันในช่วงที่มีการเลือกตั้ง สว.อีก 24 จังหวัด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เส้นเงินที่เชื่อมโยงกันมีมูลค่าเท่าไหร่ ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล

ประกอบด้วย ในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี, สตูล, สงขลา, ระนอง, กระบี่, ภูเก็ต และชุมพร

ภาคอีสาน 8 จังหวัด คือ หนองบัวลำภู, นครพนม, บุรีรัมย์, บึงกาฬ, อำนาจเจริญ, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี และขอนแก่น

ภาคกลาง 6 จังหวัด คือ สิงห์บุรี, นนทบุรี, ราชบุรี, พระนครศรีอยุธยา, อ่างทอง และเพชรบุรี  ภาคเหนือ 2 จังหวัด คือ ลำพูน และลำปาง ส่วนภาคตะวันออกมี 1 จังหวัด คือ ตราด

นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา กล่าวว่า พยานที่ถูกเรียกสอบไม่ได้เป็นผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แต่พนักงานสอบสวนได้เรียกสอบข้อมูล เรื่องเส้นทางการเงินและที่มาที่ไปของเงิน หลังจากพบหลักฐานการรับโอน แม้จะพบความเกี่ยวข้องแต่ก็ต้องดูลงลึกว่า เกี่ยวข้องแค่ไหนและเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง

คาดว่านับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป พยานอีก 6 คนที่เหลือจะทยอยเข้ามาให้ปากคำจนครบตามวันเวลาที่กำหนด โดยผู้ที่ถูกเรียกเข้าให้ปากคำ ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่มีลักษณะคล้ายกัน และพนักงานสอบสวนยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับพยาน และต้องพิจารณาว่าในสิ่งประเด็นที่สงสัยนั้น พยานสามารถตอบคำถามได้หรือไม่

ขณะนี้พยานหลักฐานที่ กกต. ส่วนใหญ่จะตรงกับดีเอสไอ แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นการสอบสวนในลักษณะคู่ขนาน และเป็นกฎหมายคนละฉบับ จึงจำเป็นต้องเรียกพยานมาชี้แจง ... ส่วนผลสอบของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จะออกมาอย่างไรก็ถือเป็นดุลพินิจ แต่ชั้นนี้ของดีเอสไอคือการสอบสวนก็ต้องให้ความเป็นธรรม

สำหรับการให้ข้อมูลของ น.ส.สินิตา ได้อธิบายกับพนักงานสอบสวนพร้อมตอบคำถาม ในประเด็นรายการเดินบัญชี (Statement) ว่าเป็นเงินค่าใช้จ่ายตามปกติ และปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้ว สว.

นับจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน การเรียกพยานมาสอบของดีเอสไอ ยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางฝุ่นยังตลบทางการเมือง แม้ พ.ต.อ.ทวี จะถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง และกำกับดูแลงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะ รมว.ยุติธรรม พร้อม ๆ “ภูมิธรรม” ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2568 

โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวี ก่อนหน้านี้ เคยออกมาระบุว่า มีเงินสะพัดในการเลือก สว.กว่า 300 ล้านบาท และดีเอสไอสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาความผิดเรื่องการจ้างให้ดำเนิน การที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อั้งยี่ ซ่องโจร และความผิดฐานยุยงส่งเสริมไม่ให้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ หรือ การครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ

ในครั้งนั้น พ.ต.อ.ทวี บอกว่า หากสืบสวนสอบสวนความผิดฐานฟอกเงิน และพบการกระทำที่เข้าข่ายความผิดเหล่านี้ และความอาญาที่เกี่ยวข้อง กฎหมายก็ให้ถือเป็นคดีพิเศษได้เลย..และในคดีดังกล่าวมีพยานยืนยันว่า มีการใช้เงินประมาณ 400-500 ล้านบาท มีการจ่ายเงินเป็นช่วง ๆ

โดยดีเอสไอ มีพยานประมาณ 7,000 คน และให้นโยบายดีเอสไอไปแล้ว คาดต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปดูกรอบการทำงานของในการสำนวนคดี “อั้งยี่-ฟอกเงิน” ฮั้วเลือกตั้ง สว. ดีเอสไอ อาจยังมีระยะเวลาในการทำงานอีกเหลือเฟือ และยังไม่แน่ว่าจะทำคดีเสร็จสิ้นในรัฐบาลแพทองธาร 1/2 ทันหรือไม่

และทั้งหมดยังต้องรอลุ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.และชะตากรรมของ 2 รัฐมนตรี “ภูมิธรรม-ทวี”

อ่านข่าว : ฝ่ายค้านรุก! พริษฐ์ยันไม่ร่วมรัฐบาล จี้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

30 วันเดิมพันรัฐบาล "เพื่อไทย" ดีลขั้วอนุรักษ์นิยม ?

สมช. ออกหนังสือชี้แจง​ ปมออกสัญชาติ ยืนยันไม่แย่งสิทธิคนไทย​