เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ CNN รายงาน หุ้นของบริษัทเทสลา (TSLA) ร่วงลงอย่างรุนแรงถึงร้อยละ 6.79 ถือเป็นการขาดทุนรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยหุ้นได้ลดลงมากถึงร้อยละ 7.6 ในการซื้อขายช่วงก่อนเปิดตลาด
สาเหตุหลักมาจากการประกาศของ "อีลอน มัสก์" ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเทสลา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 ก.ค.) ว่ากำลังก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นคู่แข่งกับพรรครีพับลิกันและเดโมแครต การประกาศครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการตอบโต้ที่ดุเดือดจาก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และมีรายงานว่านักลงทุนที่ทำชอร์ตเซลล์หุ้นเทสลา ทำกำไรได้ประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้
โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผย โดยเขียนบนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า เขาเสียใจที่เห็น อีลอน มัสก์ "หลุดโลก" อย่างสิ้นเชิง กลายเป็น "รถไฟตกราง" ตลอด 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ก่อนขึ้นเครื่องบิน Air Force One ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทรัมป์ยังกล่าวถึงการประกาศของมัสก์ว่าไร้สาระและจะสร้างความสับสน ทรัมป์ยังเสริมในโพสต์ของเขาว่า พรรคการเมืองที่ 3 ไม่เคยประสบความสำเร็จในสหรัฐฯ และสิ่งเดียวที่พรรคเหล่านี้ทำได้ดีคือการสร้างความแตกแยกและความวุ่นวายโดยสิ้นเชิง
ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์และมัสก์เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. หลังซีอีโอเทสลาได้วิพากษ์วิจารณ์ "Big, Beautiful Bill" ของทรัมป์ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายภาษีและนโยบายในประเทศขนาดใหญ่ โดยมัสก์โต้แย้งว่านโยบายดังกล่าวจะเพิ่มหนี้หลายล้านล้านดอลลาร์ให้กับงบประมาณของรัฐบาลกลาง
มัสก์ยังกล่าวบนแพลตฟอร์ม X ว่าเมื่อพูดถึงการล้มละลายของประเทศด้วยความสูญเปล่าและการทุจริต เราอยู่ในระบบพรรคเดียว ไม่ใช่ประชาธิปไตย ก่อนที่จะประกาศว่า "วันนี้ America Party ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อให้คุณได้อิสรภาพของคุณกลับคืนมา"
นักลงทุนของเทสลาต่างแสดงความกังวลอย่างชัดเจนจากสถานการณ์นี้ นีล วิลสัน นักยุทธศาสตร์จาก UK trading platform Saxo Markets กล่าวว่า นักลงทุนมีความกังวลใน 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกคือ ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างมัสก์และทรัมป์อาจนำไปสู่การลดเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาลสหรัฐฯ และประเด็นที่ 2 คือ มัสก์ดูเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่มีสมาธิในการบริหารธุรกิจ
วิลสันระบุว่า นักลงทุนเคยยินดีที่มัสก์ถอยห่างจากการเมือง แต่ตอนนี้กังวลว่าเขาจะถูกดึงกลับเข้าสู่การเมืองและทำให้เสียสมาธิในการดูแลเทสลา" แม้ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มัสก์ประกาศลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาล สร้างความหวังให้นักลงทุนว่าเขาจะมีเวลามากขึ้นในการทำงานกับบริษัทของเขา รวมถึง SpaceX และ X
แต่ความขัดแย้งกับทรัมป์ และความพยายามที่จะดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งมายังพรรคใหม่ของเขา ได้ผลักดันให้มัสก์ต้องหวนคืนสู่สนามการเมืองอีกครั้ง
ภาพรวมเทสลาขณะนี้ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โชคชะตาของบริษัทได้พลิกผันเนื่องจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่ง รวมถึงผลพวงจากการที่มัสก์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองสหรัฐฯ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เทสลารายงานยอดขายไตรมาส 2 ลดลงเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 13.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 นอกจากนี้ ในปี 2566 เทสลายังรายงานยอดขายลดลงรายปีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทในฐานะบริษัทมหาชน ซึ่งลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 1
ที่น่าจับตาคือ เทสลากำลังจะเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามยอดขายประจำปีให้กับ "BYD" ของจีน แม้ว่า BYD จะยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ก็ตาม การเข้ามามีบทบาทในรัฐบาลสหรัฐฯ ของมัสก์ก่อนหน้านี้ ยังได้ก่อให้เกิดการประท้วงนอกโชว์รูมเทสลาทั่วโลกอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ หุ้นของเทสลาเคยเกือบเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าหลังวันเลือกตั้ง และสร้างสถิติสูงสุดในช่วงกลาง ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากความคาดหวังของนักลงทุนว่าความร่วมมือระหว่างทรัมป์และมัสก์จะเป็นประโยชน์ต่อเทสลา อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งและผลกระทบจากกิจกรรมทางการเมืองของมัสก์ได้ทำให้หุ้นดิ่งลง และสูญเสียมูลค่าไปมากกว่า 1 ใน 3 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าเทสลากำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากตลาดและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของซีอีโอ
อ่านข่าวอื่น :