ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อดีตผู้ว่า ธปท.ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง

การเมือง
15:59
282
อดีตผู้ว่า ธปท.ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง

วันนี้ (8 ก.ค.2568) ดร.ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.คลัง ระบุว่า ขณะนี้ท่านมีรายชื่อแคนดิเดต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ในมือสองคน อยู่ที่ท่านว่าจะเสนอใครต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป เรื่องความเหมาะสมมีการพูดกันมากแล้ว

ดิฉันใคร่ขอเตือนสติท่าน เพียงประเด็นเดียวว่า คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ว่าการธนาคารกลางคือ การทำนโยบายอย่างเป็นอิสระจากการเมือง หรือที่เราเรียกว่า Central Bank Independence ซึ่งเป็นสิ่งที่จะธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือในการทำนโยบายของธนาคารกลาง และมีผลพวงถึงความน่าเชื่อถือของประเทศในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศด้วย ไม่ได้หมายความว่า ธนาคารกลางและรัฐบาลจะต้องขัดแย้งกัน ทุกฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายของการทำนโยบายระยะสั้นยาวไม่เท่ากัน

การทำนโยบายของธนาคารกลาง ซึ่งมุ่งเน้นผลในระยะยาว จึงเป็นการถ่วงดุลไม่ให้มีแต่นโยบายระยะสั้น จนเป็นผลเสียในระยะยาว การเป็นอิสระจากการเมือง จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง เราเคยเห็นตัวอย่างแล้วจากต่างประเทศว่า การขาดความอิสระของธนาคารกลางสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจและระบบการเงินอย่างไร

เช่นในประเทศตุรกี ในสมัยประธานาธิบดี Erdogan การแทรกแซงทางการเมืองทำให้นโยบายการเงินขาดความเป็นอิสระ อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำเกินไปเป็นเวลานาน เป็นผลให้ค่าครองชีพพุ่งสูง นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง และค่าเงินอ่อนลงอย่างมาก

คนทำงานในธนาคารแห่งประเทศไทย ซึมซับถึงหลักการสำคัญข้อนี้ดี ตรงกันข้าม ผู้บริหารธนาคารเฉพาะกิจ คุ้นเคยกับการรับนโยบายของรัฐบาลไปทำอยู่แล้ว เพราะเมื่อเกิดความเสียหายรัฐบาล ก็ต้องชดเชยให้ (ตามกติกาการกันสำรองหนี้สูญ หรือเพิ่มทุนของการกำกับดูแลของ ธปท.) จึงไม่มีความเสี่ยงกับองค์กรในการรับนโยบายของรัฐบาลมาทำ ซึ่งต่างจากกรณีขององค์กรเช่น ธปท. อย่างมาก เพราะถ้าเกิดความเสียหายคือความเสียหายของประเทศชาติ

ถ้าท่านเลือกผู้ว่าการฯ ที่ประสบการณ์การทำงานเดิม ต้องสนองนโยบายของรัฐ จนเป็นความเคยชิน จึงยากที่จะคาดหวัง ให้ทำหน้าที่ของผู้ว่าการฯ อย่างเป็นอิสระ ที่จริงยังไม่ต้องทำนโยบายอะไร เพียงแค่ประวัติ และประสบการณ์ที่ก่อให้เกิด perception ว่าผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล และเคยสนองนโยบายของรัฐบาลมาตลอด ในฐานะผู้บริหารของธนาคารของรัฐ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่อสถาบันนี้ ก็จะเสื่อมถอยไปทันที ปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศก็เลือกไปลงทุนในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แล้ว

ท่ามกลางความท้าทายที่รุมเร้าจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าศักยภาพ ตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงอยู่ที่ระดับ 87.5 % และยังมีผลกระทบของสงครามการค้าหากไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสูงถึง 36 % ดิฉันหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือต่อธนาคารกลางเสื่อมถอยไปอีกสถาบันหนึ่ง ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศชาติหดหายไปมากยิ่งขึ้นอีก

อ่านข่าว :