ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“สิงห์ดำ” ผงาด จับตา ภูมิธรรม “ยกเครื่อง” มหาดไทย “บิ๊กล็อต”

การเมือง
16:16
358
“สิงห์ดำ” ผงาด จับตา ภูมิธรรม “ยกเครื่อง” มหาดไทย “บิ๊กล็อต”

แค่น้ำจิ้มถ้วยใหญ่ หลัง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว. มหาดไทยเดินสายให้สโลแกน “มหาดไทยต้องดีกว่าเดิม” แค่ 4 วัน ก็จัดทัพใหม่ทันที เด้ง 2 สายตรงค่ายน้ำเงินบุรีรัมย์ “ไชยวัฒน์ จุนถิระพงษ์” อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และ “นฤชา โฆษาศิวิไลย์” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เก็บเข้ากรุในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง

และเสนอครม.ให้มีคำสั่งแต่งตั้ง นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ เป็นอธิบดีกรมการปกครอง ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ พ่อเมืองเพชรบุรี เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เมื่อวันที่ 7ก.ค.2568

“มหาดไทยดีกว่าเดิม” หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย เคยประกาศว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปในลักษณะคู่ขนานระหว่างกรมการปกครองและตำรวจในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องทวงคืนกระทรวงมหาดไทย

แม้จะยังไม่เห็นนโยบายการปราบยาเสพติดชัดเจน นอกจากการประกาศว่าจะทำให้ได้ภายใน 3 เดือน แต่การเด้งอดีต 2 บิ๊กมหาดไทย กลับเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เสมือนเชือดสิงห์ ให้ “สิงห์” ดู

“เราต้องเป็นสิงห์มหาดไทยเดียว คือ การเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งกระทรวง มีความเป็นปึกแผ่น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีการแบ่งพวกพ้อง ไม่มีสิงห์สีอื่นใด นอกจากสิงห์มหาดไทย...ต้องสนับสนุนคนที่มีความสามารถ มีความรับผิดชอบ ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความรวดเร็วและมีคุณภาพ เกิดผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง” ภูมิธรรม ย้ำในวันที่ให้นโยบายข้าราชการ

มีการคาดการณ์การว่า อีกไม่นานนี้ การโยกย้ายระดับ “บิ๊กล็อต” เพื่อวางเครือข่ายขุมกำลัง เพื่อเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นอีก และการเชือดสิงห์แบบลองของ ของพรรคเพื่อไทยภายใต้การกำกับของ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม ไม่เพียงทำให้ “สายตรง”ค่ายสีน้ำเงินต่างออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ ไปตาม ๆ กัน ยกเว้นสิงห์ “สาย” ที่พร้อมจะแปรพักตร์ ไม่ว่าใครจะเข้ามากุมบังเหียน

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของในตำแหน่งอธิบดีการปกครองของ “นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และอธิบดีกรมการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นของ “ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์” พ่อเมืองเพชรบุรี ก็ไม่ได้ต่างจากค่ายน้ำเงิน คือ ทั้งสองก็ถือว่าได้ว่า เป็นสายตรงค่ายสีแดงเช่นกัน

การขยับครั้งนี้นอกจากจะเป็นการส่งสัญญาณถึงผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว ยังน่าจับตาว่า ในวันที 16 ก.ค.2568 นี้ที่ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม จะเยือนอีสานใต้ จ.ศรีษะเกษ จะถือเป็นการโชว์พาว และเช็คขุมกำลังสายอีสานใต้ของพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่

วันนี้ (9 ก.ค.2568) อดีต “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังจากเข้าประชุมสภาในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านครั้งแรก กล่าวถึงการโยกย้าย อดีตอธิบดีกรมการปกครอง คือ “ชัยวัฒน์” และ “นฤชา”อดีตอธิบดีกรมการปกครองท้องถิ่น เข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงว่า “ยุคใคร ยุคมัน” เป็นอำนาจของรัฐมนตรีใครก้าวก่ายไม่ได้

แม้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะบอกว่า ทั้งสองมีผลงานดี แต่การที่ใครจะมองว่าเป็นเด็กจากบุรีรัมย์นั้น...ใครพูดก็พูดกันไป แต่เขาคือข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทซื่อสัตย์สุจริต

อย่างไรก็ตาม หากสำรวจประวัติ “นิรัตน์” ว่าที่อธิบดีกรมการปกครองคนใหม่ พบว่าดีกรีไม่ธรรมดา ปัจจุบันอายุ 50 ปี เกิดเมื่อ 19 กรกฎาคม 2515 จบการศึกษาระดับประถมและมัธยมศึกษา จากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย รุ่นที่ 63

ถือเป็น “สิงห์ดำ” เนื่องจากจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 44 และ ปริญญาโท รัฐศาสตร์มหาบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง บทบาททางการเมืองของจอมพล ป. พิบูลสงครามกับความคิดทางการเมืองของมาคิอาเวลลี โดยมี ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ เป็นที่ปรึกษา

บรรจุเป็นปลัดอำเภอ เมื่อปี 2539 และดำรงตำแหน่งปลัดในจังหวัดต่าง ๆ เช่น ตราด กระบี่ มุกดาหาร และจันทบุรี และเป็นหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สระแก้ว และ จ.จันทบุรี เมื่อปี 2548 ก่อนจะขยับขึ้นเป็น ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 17 จันทบุรี ในปี 2552 และได้เลื่อนชั้นเป็นรองผู้ว่าฯ ปทุมธานี ในปี 2558 และผู้ตรวจราชการกระทรวง ในปี 2560

เลื่อนตำแหน่งผู้ว่าราชการครั้งแรก ที่จ.บึงกาฬ ในปี 2561-2562 ก่อนจะย้ายไปเป็นพ่อเมืองอุดรธานี ด้วยวัยเพียง 46 ปี และเลื่อนขึ้นปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อ 1 ตุลาคม 2563 ถือเป็นรองปลัดที่อายุน้อยที่สุด และได้รับมอบหมายดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีอายุเพียงแค่ 48 ปี เท่านั้น

ขณะที่ ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าฯ เพชรบุรี จบการศึกษามัธยมศึกษา จาก โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และเป็น “สิงห์ดำ” เหตุจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 41 เช่นกัน

สำเร็จปริญญาโท รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา ได้รับตำแหน่ง ป้องกันจังหวัดจันทบุรี ในปี 2554 ก่อนจะเลื่อนเป็น จ่าจังหวัดระยอง และขยับมาเป็นนายอำเภอเขาชะเมา จ.ระยอง ในปี 2557 และเป็น นายอำเภอเขาสมิง จ.ระยอง ,นายอำเภอบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ตามลำดับ

ปี 2560 ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง ก่อน ไปดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าฯ ลพบุรี ในปี 2563 และ รองผู้ว่าฯ สระบุรี ต่อมาในปี 2564 ได้ดำรงตำแหน่ง รองอธิบดีกรมการปกครอง ก่อนจะย้ายไปเป็น ผู้ว่าฯเมืองเพชรบุรี ในเวลาต่อมา

การขยับ 2 สิงห์ดำ มาดำรงตำแหน่งสำคัญของทั้ง 2 กรมใหญ่หัวใจของท้องถิ่น ทำให้กระทรวงมหาดไทยกลับมาคึกคุกอีกครั้งหนึ่งว่า ปลายทางสุดท้ายของ “รัฐบาลเพื่อไทย” ที่เข้ามาคุมกระทรวงคลองหลอดแบบเบ็ดเสร็จ จะห้ามไม่ให้บรรดาสิงห์หลากสีแตกแถวได้หรือไม่

อ่านข่าว

จับกระแสการเมือง : ทวงคืน "คลองหลอด" ล้างบางสีน้ำเงิน "ลุงป้อม" ไม่ถอดใจ อดีต 21 สส.แห่ซบ พปชร.

เด็ดปีก "ก๊ก อาน" ตีชิ่ง "ฮุน เซน" โชว์พาวตัดธุรกรรม Call center

ฮุน เซน VS "เครื่องราชฯ -ออกญา" ชั้นยศ ต่างตอบแทน ในกัมพูชา