วันนี้ (13 ก.ค.2568) มีรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลางชุดที่ 26 ของสำนักงาน กกต. ซึ่งรับผิดชอบคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้นัดประชุมในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกรอบระยะเวลาที่ขอขยาย โดยไม่พบว่า จนถึงขณะนี้คณะกรรมการสืบสวน ได้มีการขอขยายเวลาการสอบสวนเพิ่มเติมต่อ กกต.อีก
จึงมีความเป็นไปได้ว่า การประชุมในวันดังกล่าวคณะกรรมการสืบสวนฯ จะมีการสรุปสำนวนว่าตามพยานหลักฐาน เห็นควรที่ กกต.จะดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.2561 มาตรา 77(1) ประกอบมาตรา 62 กับผู้ใดบ้าง ก่อนที่จะเสนอมายังสำนักงานฯ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะเดียวกันเมื่อสำนวนดังกล่าวเข้ามาสู่ขั้นตอนที่ 2 ที่พนักงานสืบสวน และไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวน จะดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็นเสนอผ่านผู้อำนวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนักแล้ว และเลขาธิการ กกต. จะต้องมีความเห็นต่อสำนวนดังกล่าวด้วยนั้น
ในขั้นตอนนี้ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด 2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 กำหนดเวลาไว้ 60 วัน ก่อนมีความเห็นเลขาธิการ กกต.สามารถสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมได้
มีรายงานว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. จะมอบให้ รองเลขาธิการ กกต. เป็นผู้ให้ความเห็นแทน เนื่องจากตนเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ จึงถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียต่อเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและข้อโต้แย้ง ที่จะพิจารณาสำนวนต่อจากขั้นตอนของเลขาธิการกกต.นั้น ปัจจุบันมี 35 คณะๆ ละ 5-7คน โดย กกต.กำลังพิจารณาว่า ในส่วนสำนวนดังกล่าว ซึ่งมีความสำคัญเร่งด่วน มีผู้ถูกร้องและผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก จะส่งเรื่องให้อนุกรรมการวินิจฉัยฯ พิจารณาอย่างไร
ควรต้องมีคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและข้อโต้แย้งชุดพิเศษ ขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ซึ่งตามอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยฯ มีกรอบเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยสามารถขอขยายได้ และสามารถสั่งดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนมีความสมบูรณ์ ก่อนจะมีความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณา
อ่านข่าว : มส.เร่งให้เรียกตัวพระ 5 รูปมาชี้แจง กำชับเจ้าคณะปกครองดูแลพฤติกรรมพระ
“พระเทพพัชราภรณ์” ยื่นหนังสือขอลาออกจาก เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ
ตั้งศูนย์อำนวยการน้ำส่วนหน้าฯ รับมือ "น้ำโขง" เพิ่มสูง-ล้นตลิ่ง