ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ออกหมายจับลูก "ก๊ก อัน" 3 คน ลุยค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด

อาชญากรรม
11:18
271
ออกหมายจับลูก "ก๊ก อัน" 3 คน ลุยค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด
อ่านให้ฟัง
02:15อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจ สอท.ขอศาลออกหมายจับลูกชาย-ลูกสาว "นายก๊กอัน" เจ้าของอาคารฐานปฏิบัติการคอลเซนเตอร์ฝั่งปอยเปตรวม 3 คน พร้อมเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุด พื้นที่กรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัด พบมีบัตรประชาชนชาวไทยถือครองทรัพย์สินจำนวนมาก

วันนี้ (15 ก.ค.2568) ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจ สอท.นำหมายศาลเข้าตรวจค้นเป้าหมาย บ้านครอบครัวนายก๊กอัน นายทุนชาวกัมพูชา เจ้าของฐานบัญชาการเครือข่ายคอลเซนเตอร์ ในปอยเปต อีกรอบในเช้าวันนี้ โดยหนึ่งในเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพมหานครคือบ้าน ย่านประเวศ ซึ่งเป็นจุดเดิมที่ค้นไปก่อนหน้านี้

สำหรับบ้านหลังนี้มีข้อมูลว่านายก๊กอันและครอบครัวจะใช้พักอาศัยร่วมกันเวลาเดินทางมาที่ประเทศไทย สำหรับเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ศาลออกหมายจับเป้าหมายหลักคือนายก๊กอัน แต่วันนี้ศาลออกหมายจับเพิ่มให้อีก 3 หมายประกอบด้วยบุคคลตามหมายคือ นางสาวจุรี , นายกิตติศักดิ์ และ นางสาวภูเฌอหลิน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นบุตรชายและบุตรสาวของนายก๊กอัน และจากข้อมูลการสืบสวนรายงานว่าทั้ง 3 คนถือครองบัตรประชาชนคนไทย

ตำรวจเปิดเผยพบข้อมูลลูกทั้ง 3 คนถือครอบครองทรัพย์สินในประเทศไทยจำนวนมากทั้งบริษัท บ้านพักหรู และอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดรวม 7 จุด

ส่วนรายละเอียดในการตรวจค้น พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแถลงในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) พร้อมชี้แจงความคืบหน้าการประสานงานกับตำรวจสากลในการติดตามหาเบาะแสนายก๊กอัน

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ก่อนเข้าตรวจค้นในวันนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดถึงหลักฐานที่พบได้ เพราะอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่พบบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ดูแลบ้านจำนวน 3 คน ได้ถูกนำตัวมาสอบปากคำ ซึ่งทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 6 คน และนายก๊ก อัน ข้อมูลการข่าวพบว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว

ส่วนข้อมูลการถือครองบัตรประชาชนคนไทย ไปสั่งรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประสานกับกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์ รวมถึงขยายผลไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าใครสนับสนุนในการกระทำความผิด ก็ถือว่ามีความผิดในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติหรือแม้จะเป็นบุคคลในหน่วยงานข้าราชการก็ตาม

ส่วนบริษัทที่เข้าตรวจค้นในวันนี้ จะต้องขยายผลต่อไปว่าบริษัทมีความเกี่ยวข้องในการทำธุรกรรม เส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายคอลเซนเตอร์หรือไม่ โดยเฉพาะเครือข่ายที่อยู่ภายในตึก 25 และตึก 18 ชั้น รวมถึงตึกกาสิโน ที่มีนายก๊ก อัน เป็นเจ้าของ หากพบมีความเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดีทางนิติบุคคล และบุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย โดยทรัพย์สินที่ยึดได้ก่อนหน้านี้ในการเข้าตรวจค้น 19 จุด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์สิน และบัญชีธนาคารในประเทศไทย รวมทั้งหมดเป็นมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมกับทรัพย์สินที่เข้าตรวจค้นและอายัดในวันนี้ 

อ่านข่าว :

หมายจับ "ก๊กอาน" คนสนิท "ฮุน เซน" โยงแก๊งคอลเซนเตอร์-ตร.บุกค้น 19 จุด

ตร.จ่อหมายจับเพิ่มเครือข่าย "ก๊กอาน" ยังไม่พบโยงนักการเมืองไทย