เมื่อ 18 ปีที่แล้ว "แซมซั่น ส.ศิริพร" เป็น "นักมวยหญิง" คนแรกที่คว้า "แชมป์โลกมวยสากลอาชีพ" มาครอง หากย้อนเส้นทางก่อนจะเข้าสู่สังเวียนนักชกมืออาชีพ แซมซั่น หรือ "ส้ม" ศิริพร ทวีสุข เคยเดินก้าวพลาด ทำให้ถูกกักขังอยู่ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ต่อมาสถานที่แห่งนี้ ได้เปิดโอกาสให้เธอได้รับฝึกซ้อมกีฬามวย จนสามารถพลิกชะตาชีวิต กลายเป็นสุดยอดมวยหญิงในยุคนั้น
แซมซั่น ส.ศิริพร สร้างผลงานทุกครั้งเมื่อขึ้นชกเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพ จนกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้พักโทษ ออกมาใช้ชีวิตนอกเรือนจำ โลดแล่นอยู่ในสังเวียนผืนผ้าใบในวงการมวย ทำสถิติชกชนะ 39 ครั้ง ชนะน็อค 21 ครั้ง, ชนะคะแนน 18 ครั้ง, แพ้ 4 ครั้ง โดยแพ้คะแนน 4 ครั้ง เคยได้รับรางวัลเกียรติยศบุคคลในวงการกีฬามวยแห่งชาติ และนักมวยสากลอาชีพหญิงยอดเยี่ยม หลังแขวนนวม "แซมซั่น" ในวัย 42 ปี ได้ไปใช้ชีวิตเป็นเทรนเนอร์ หรือ "ครูมวย" อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น

"แซมซั่น ส.ศิริพร" สุดยอดนักชกหญิง ในอดีต
"แซมซั่น ส.ศิริพร" สุดยอดนักชกหญิง ในอดีต
นักมวยมีชื่อที่แจ้งเกิดจากเรือนจำ ไม่ได้มีเพียง "แซมซั่น ส.ศิริพร" แต่ยังมี "อำนาจ รื่นเริง" อดีตผู้ต้องขังอีกคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสฝึกวิชาชีพ โดยเลือกฝึกซ้อมมวยอยู่ในเรือน จำกลางชลบุรี ได้เข้าลงนวมแข่งกีฬาแดนสามัคคีเกมส์ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ชกชนะได้เหรียญทอง ทำให้สโมสรราชทัณฑ์ส่งไปแข่งขัยกระทั่งติดทีมชาติไทย
และเป็นนักชกโอลิมปิกเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย "อำนาจ" ไม่ใช่นักมวยในรูปแบบเดินหน้าเข้าปะทะแต่ชกแบบจังหวะฝีมือ สามารถในการต่อยมวยไทยและมวยสากลสมัครเล่น ปัจจุบัน แขวนนวมแล้วเช่นกัน
หากนับจาก 2 ยอดนักมวยดังในอดีตแล้ว กรมราชทัณฑ์ได้ว่างเว้นจากการจัดให้มีการแข่งขันกีฬาแดนสามัคคีเกมส์ นานกว่า 10 ปี และต้นเดือนก.พ.2568 สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ "ก้องศักด ยอดมณี" ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มีนโยบายสนับสนุนด้านการกีฬาให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน เพื่อพัฒนาด้านทักษะอาชีพและกีฬาให้ผู้ต้องขังหลายประเภท เช่น ฟุตซอล เซปักตะกร้อ วอลเลย์บอล มวยไทยและมวยสากล

โดยกรมราชทัณฑ์ได้ทำการเปิดค่ายมวย "ลูกพระยม" ใน 18 เรือนจำทั่วประเทศ เป็นเรือนจำชาย 17 แห่งและเรือนจำหญิง 1 แห่ง มีการจ้างครูมวย หรือ "เทรนเนอร์" เข้ามาฝึกสอนในแดนกีฬา ทั้งนี้เพื่อให้ผู้พ้นโทษออกไปแล้วสามารถต่อยอดมีอาชีพทำกิน ถือเป็นการให้โอกาสผู้ที่เคยกระทำความผิด และคืนคนดีกลับสู่สังคม
ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่สมัครเป็นนักมวยเข้าร่วมโครงการจำนวน 884 คน มี เรือนจำ 5 แห่ง ที่เปิดสอนทั้งมวยไทยและมวยสากล เช่น ค่ายมวย "ลูกพระยมวัยหนุ่มอโยธยา" ทัณฑสถานวัยหนุ่มพระนครศรีอยุธยา ,ค่ายมวยเกียรติดาวทอง ลูกพระยม เรือนจำกลางขอนแก่น , ลูกพระยมทูบีฯ มวยไทยยิมส์ เรือนจำกลางพิษณุโลก , ค่ายมวยท.บำบัดเกาะแต้ว ลูกพระยม ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดสอนมวยไชยยาให้กับผู้ต้องขังที่ ค่ายมวย ส.วังชมพู ลูกพระยมที่เรือนจำ อ.ไชยยาด้วย ส่วนเรือนจำที่เหลือจะเปิดสอนมวยไทย ไม่ว่าจะเป็น ค่ายมวย "ส.ลูกพระยม ตาก" เรือนจำกลางตาก หรือค่ายมวย "เพชรระนอง ส.ลูกพระยม" หรือ มวยไทยจดทะเบียน "ค่ายพยัคฆ์เมืองนรา ลูกพระยม" เรือนจำนราธิวาส , ค่ายมวย ส.สมุย ลูกพระยม และค่ายมวยหญิง "ศ.ชลนรี ลูกพระยม" เรือนจำหญิงชลบุรี ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหญิงสมัครเป็นนักกีฬามวยจำนวน 30 คน

ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า เหตุที่ใช้ชื่อ "ลูกพระยม" เป็นชื่อค่าย เนื่องจากพระยมเป็นเทพเจ้าแห่งยมโลกและเป็นผู้ควบคุมผู้กระทำผิด หน้าที่ราชทัณฑ์ เป็นผู้มีอำนาจลงโทษมนุษย์ เมื่อตายไปแล้ว สัญลักษณ์ คือ พระหัตถ์ขวาถือขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือกงจักร ประทับบนหลังราชสีห์ และตราพระยมทรงสิงห์เริ่มใช้มาตั้งแต่ สมัยพระสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา กำหนดให้เป็นตราพญายมราชและในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการสร้างตราพระยมทรงสิงห์ด้วยทองคำใช้เป็นตราประจำตำแหน่งกรมพระนครบาลพระราชทานแก่เจ้าพระยายมราช
ต่อมาใช้เป็นตราประจำตำแหน่งกรมพระนครบาล ซึ่งกรมราชทัณฑ์หรือกรมนักโทษเป็นหน่วยงานในสังกัด และเมื่อปี 2542 กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรีประกาศใช้ตราพระยมทรงสิงห์เป็นเครื่องหมายของกรมราชทัณฑ์เป็นต้นมา
สำหรับนักชกในสังกัดค่าย "ลูกพระยม" ได้มีการขึ้นชกจริงนำร่องไปแล้วหลายแมตช์ เมื่อเร็วๆนี้ เป็นนักชกจากเรือนจำสมุย 3 คน ทั้งคนไทยและต่างชาติ คือ ลมใต้ ศ.สมุย ลูกพระยม, มัตเตโอ ศ.สมุย ลูกพระยม(อิตาลี) และจิมมี่ ศ.สมุย ลูกพระยม (ออสเตรเลีย) ทั้งหมดเป็นผู้ต้องราชทัณฑ์ที่มีประพฤติดี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การเปิดเรือนจำกีฬา และค่ายมวย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ฝึกความอดทน ความมีระเบียบวินัยในตนเอง ฝึกทักษะความรู้ด้านศิลปะป้องกันตัวมวยไทย เพื่อสามารถนำไปต่อยอด ประกอบอาชีพที่สุจริตภายหลังพ้นโทษ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดรายการชกมวยที่เรียกว่า PRISION FIGHT ถือเปิดตัวอย่างเป็นทางการระหว่างนักชกค่าย"ลูกพระยม"กับนักมวย"ค่ายจิตรเมืองนนท์" ซึ่งการขึ้นชกบนเวทีสำหรับนักมวยแล้ว ถือเป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ต้องขัง เพราะหากสามารถชกชนะในรายการต่าง ๆ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ ก็อาจมีสิทธิได้ออกไปชกกับบุคคลทั่วไปในหลายๆ เวทีและรายการสำคัญๆ เช่น คิงส์ คัพ หรือชิงแชมป์ประเทศไทย
สำหรับนักชกที่จะได้รับสิทธิ์ไปชกข้างนอกได้จะต้องอยู่ในข่ายได้รับการคัดเลือก แล้วจะต้องเป็นนักโทษชั้นดี และเหลือโทษเด็ดขาดไม่เกิน 2 ปี และหากมีความสามารถขั้นติดทีมชาติก็มีสิทธิ์ที่จะได้พักโทษออกไปชกมวยอาชีพ เหมือนนักมวยรุ่นพี่ในอดีต

สำหรับตารางการฝึกซ้อมมวยของผู้ต้องขังที่เป็นนักมวยจะมีเทรนเนอร์และครูมวยจากภายนอกและในเรือนจำเข้ามาดูแลการซ้อมในทุก ๆ วัน โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ เช้าและบ่าย เริ่มตั้งแต่ตื่นมาวิ่ง กระโดดเชือก ล่อเป้า ชกลม และลงนวม จนถึงเย็น โดยมีนักโทษรุ่นพี่ที่มีความรู้เรื่องเชิงมวยเป็นผู้ฝึกสอนให้ รวมถึงการดูเทคนิคการต่อสู้และการชกของนักมวยเก่งๆ จากหน้าจอโทรทัศน์ที่ผู้คุมเปิดให้ดูด้วย
ความสำเร็จในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขัง อาจมีทั้งสมหวัง ผิดหวัง และการเปิดค่ายมวย "ลูกพระยม" ในเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ ก็เช่นกัน นอกจากจะเป็นการเพิ่มทักษะเพื่อให้ผู้ต้องขังเกิดแรงจูงใจในการปรับตนเป็นพลเมืองดีแล้ว จะเป็นประตูที่นำไปสู่อาชีพที่มีความก้าวหน้า มั่นคง และสังคมยอมรับในฝีมือด้วย
เป็นที่น่าจับตาว่าในจำนวนผู้ต้องขังกว่า 800 คน จะมีใครบ้างสามารถไต่บันใด ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์มวยไทย มวนสากล และเป็นนักค้ากำปั้นมืออาชีพ ได้เหมือน "แซมซั่น ส.ศิริพร" หรือ "อำนาจ รื่นเริง" นักมวยรุ่นพี่ได้บ้าง
อ่านข่าว
ปิดฉาก 31 ปี "โจว จิ้งหัว" หนีคดีข้ามแดน "ฟอกลูก-สวมสิทธิ" ไทย