วันนี้ (24 ก.ค.2568) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรกลับมาเปิดการประชุมอีกครั้ง หลังพักประชุมช่วงเช้า โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม ได้เข้าสู่การพิจารณาญัตติด่วน กรณีปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่ โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากหลายพรรค จึงเสนอ 7 ญัตติ เพื่อให้รัฐบาลเร่งรับมือสถานการณ์ แนวทางลดความรุนแรง และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
โดยในภาพรวมมีข้อเสนอแนะให้มีการอพยพประชาชนเป็นเรื่องสำคัญโดยประสานกับส่วนราชการ ตั้งศูนย์อพยพที่มีอาหารและเครื่องดื่มรองรับอย่างเพียงพอ, การแจ้งเตือนที่ทันการณ์มีประสิทธิภาพ, เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบและเปิดพื้นที่ให้ทหารได้ตรึงอาณาเขตไทยอย่างสมศักดิ์ศรี, ตั้งโรงพยาบาลสนามรับมือด้านสาธารณสุข, แผนกำลังด้านทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยอย่างถึงที่สุดทั้งภาคพื้นดินและอากาศ, การสนับสนุนงบประมาณปกป้องชีวิตคนไทย รวมถึงการเพิ่มค่าเสี่ยงภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในแนวหน้าและทหารพื้นที่ชายแดน
และชี้ถึงโจทย์ที่ไทยต้องตีให้แตกคือกัมพูชาต้องการนำข้อพิพาทครั้งนี้ไปสู่ศาลโลก จึงเสนอให้ไทยต้องใช้วิธีทางการทูต หรือกลไกระหว่างประเทศเพื่อแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่าไทยสามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะล่าสุดนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยื่นหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) แล้ว เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา ขณะเดียวกันต้องเชิญทูตประเทศต่างๆ ไปสังเกตการณ์สถานการณ์เพื่อเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชามีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมุ่งหมายโจมตีพลเรือนไทย

นายวิทยา แก้วภราดัย สะท้อนถึงความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในรัฐบาลทำให้กัมพูชารับรู้และเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศ จึงเสนอให้มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ที่มีอำนาจเต็ม มาดำเนินการเพราะขณะนี้มีเฉพาะรักษาการ ยังมีการเน้นย้ำเรื่องข้อเสนอการเผยแพร่ข้อมูลที่รอบคอบ ไม่เป็นข้อมูลทำให้ไทยกลายเป็นเป้าหมายของกัมพูชาในการโจมตี
ทั้งนี้ 7 ญัตติด่วนประกอบด้วย ญัตติฝ่ายรัฐบาล โดยนายธเนศ เครือรัตน์ สส. เพื่อไทย, นายวิทยา แก้วภราดัย สส. รวมไทยสร้างชาติ, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร สส.ประชาธิปัตย์, นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.พรรคกล้าธรรม
ส่วนฝ่ายค้าน นางปาทิดา ตันติรัตนานนท์ สส.ภูมิใจไทย, นายกัณวีร์ สืบแสง สส.เป็นธรรม และนายรังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชน ต่างชี้ว่าข้อเสนอครั้งนี้จะไม่เป็นลักษณะการเติมฝืนเข้ากองไฟในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะสถานการณ์ตอบโต้ระหว่างกำลังทหารไทยกัมพูชาอาจนำไปสู่สงคราม อันกระทบกับอธิปไตยของชาติ
อ่านข่าว : "ภูมิธรรม" ยันปกป้องอธิปไตย ยังไม่ประกาศภาวะสงคราม
เสียชีวิต 7 เจ็บ 14 คน เหตุกัมพูชายิง BM-21 ตกใส่ปั๊ม ปตท. ศรีสะเกษ