วันนี้ ( 31 ก.ค.25568) นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงกดดันตลาดโลก ทองคำ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตาในฐานะ หลุมหลบภัยสำหรับนักลงทุน
โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง หรือเมื่อเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอน หรือช่วงที่มีความตึงเครียดจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์สูง หรือช่วงที่ปัจจัยต่าง ๆ เกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งในอดีตทองทำมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเมื่อเทียบกับความเสี่ยง (Sharpe Ratio)
นักลงทุนควรทยอยลงทุนอย่างระมัดระวังในช่วงที่ราคาปรับฐาน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตในระยะกลางถึงยาว
ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ เช่น การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ที่ยังมีแนวโน้มสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อนความต้องการบริหารความเสี่ยงในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีความผันผวนสูง
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่อาจรุนแรงขึ้น ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันซึ่งเป็นความเสี่ยงระยะยาว รวมถึงความไม่แน่นอนในกรณีรัสเซีย - ยูเครน ที่แม้จะดูมีความคืบหน้า แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน และ ภาระหนี้ของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดมีการเสนอแผนเพิ่มการขาดดุลการคลังอีกกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะยาว
แม้ราคาทองคำจะปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เดือนก.ค.ราคาทองคำปรับขึ้นสู่ระดับ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ จากแรงซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุน ทรัมป์ และคณะทำงานออกมากดดัน ประธานเฟด อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลต่อการกลับมาใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตามระยะสั้นศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสประเมินว่า ราคาทองคำอาจมี Upside ค่อนข้างจำกัด หากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองเริ่มคลี่คลาย ซึ่งจากแบบจำลองที่ใช้วิเคราะห์ราคาทองคำเทียบกับตัวชี้วัดเศรษฐกิจ พบว่าราคาทองคำมีความแปรผัน (Premium) ราว 10%
จากปัจจัยมหภาค ประกอบด้วย สัญญาการซื้อทองคำสุทธิล่วงหน้า ดัชนีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาว ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างตราสารหนี้ภาคเอกชนชั้นดีและพันธบัตรรัฐบาล (Credit Spread)
โดยปัจจัยมหภาคที่ผลักดันราคาทองคำให้สูงกว่าระดับพื้นฐานมีหลายด้าน ซึ่งจากแบบจำลองที่นำมาใช้ บ่งชี้ว่า ราคาทองคำในปัจจุบันสูงกว่าระดับที่ควรจะเป็นตามปัจจัยเศรษฐกิจราว 10% และยังสูงกว่าค่าคาดการณ์ของตลาด สินปี 2568 ประมาณ 6% ซึ่งท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังปกคลุมเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำจะทรงตัวในกรอบกว้างประมาณ 3,200 – 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในช่วงที่เหลือของปีนี้
อ่านข่าว:
ราคา “ทองคำ” ลบ 250 บาท “รูปพรรณ” ในประเทศขายออก 51,800
สรุปราคาทองคำ 30 ก.ค.2568 ปิดตลาด ผันผวน 6 ครั้ง พลิกบวก 200 บาท
สรุปราคาทองคำ 29 ก.ค.2568 ปิดตลาด ผันผวน 6 ครั้ง ลบ 200 บาท