วันนี้ (6 ส.ค.2568) นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.พรรคภูมิใจไทย ในประธานกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระการพิจารณาว่า สืบเนื่องเนื่องจากในสัปดาห์ก่อนที่มีมติของคณะรัฐมนตรี ในการอนุมัติงบทดลองจ่ายจังหวัดละ 100 ล้านบาท ประกอบกับสัปดาห์ก่อนมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งกระทู้ถามสด รมช.มหาดไทย ที่ได้รับข่าวยืนยันว่า สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ จึงได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด 3 จังหวัด
ประกอบด้วย จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก และตัวแทนกระทรวงมหาดไทย กรมบัญชีกลาง เพื่อติดตามนโยบายของรัฐบาล ที่ตั้งใจนำเงินช่วยเหลือฉุกเฉินพิเศษ ช่วยเหลือประชาชน การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นอย่างไร ติดขัดปัญหาตรงไหน เบิกจ่ายได้จริงหรือไม่ โดยจะเป็นประเด็นหลักที่จะพูดคุยในวันนี้
ขณะเดียวกันได้เชิญ สส.ในพื้นที่มารับฟัง และสะท้อนปัญหาให้กับกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัด ทราบถึงปัญหารวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
นายกรวีร์ยังกล่าวถึงงบประมาณดำเนินการ ส่วนหนึ่งที่มาจากการบริจาคของประชาชน แต่พบว่า เป็นประเด็นเดียวกับที่จะสอบถามในวันนี้หลังจากที่รัฐบาลยืนยันว่า มีงบประมาณเบิกจ่ายได้ แต่ในข้อเท็จจริงหน้างานหลายพื้นที่ หลายหลายอำเภอ มีแต่วงเงินที่เป็นตัวเลขไป แต่เรื่องของการเบิกจ่าย ยังมีการเบิกจ่ายไม่ได้มากเท่าที่ควร
บางพื้นที่อาจมีการเบิกจ่าย บางพื้นที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ วันนี้สิ่งที่ดูแลพี่น้องประชาชนไปบริจาค กลายเป็นสิ่งของบริจาคประชาชนด้วยกันเอง คนที่ทางกรรมาธิการการปกครอง อยากเชิญ ผู้ว่าราชการจังหวัด มาชี้แจงว่าติดขัดเรื่องอะไร หรือระเบียบไหนในการเบิกจ่าย เหตุใดจึงเบิกจ่ายได้ช้า และในบางที่เบิกจ่ายไม่ได้ จะได้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาสำหรับวิกฤตของประเทศในครั้งต่อไป
นายกรวีร์ กล่าวต่อถึงวงเงินทดรองจ่าย 100 ล้านบาท เพียงพอต่อกันจัดการในพื้นที่หรือไม่ว่า เท่าที่ฟังจากที่ รมช.มหาดไทย มาชี้แจงในสภาฯ สัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า จะให้ไปก่อนอำเภอละ 500,000 บาท จึงฝากคำถามไปถึงรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยว่า เคยไปดูในพื้นที่หรือไม่ 500,000 บาท หากคนมาอยู่วันเดียวก็หมดแล้ว อยากให้แนวทางในการช่วยเหลือดูแลประชาชนตามศูนย์อพยพต่าง ๆ ได้สะท้อนกับค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ต้องไปพึ่งพางบบริจาค หรือของบริจาคจากประชาชนที่อื่นมาช่วย ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลที่ต้องนำงบประมาณมาแก้ไขปัญหาและดูแลประชาชนในพื้นที่ให้ดีที่สุด
ทั้งนี้การประชุมกรรมาธิการการปกครอง มีวาระที่จะพิจารณาเรื่องมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้เชิญปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย อธิบดีกรมบัญชีกลาง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ชายแดนมาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการ
ในห้องประชุมกรรมาธิการ ตัวแทนกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงที่ประชุมว่า ได้เชิญตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือประชาชน ทั้งกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมาให้ข้อมูล โดยสรุปสถานการณ์ภาพรวมทั้งหมด สาระสำคัญเกี่ยวกับประชาชนในศูนย์อพยพจำนวนผู้ประสบภัย-การใช้จ่ายงบประมาณและอำนาจของ อปท. และเงินทดลองราชการตามระเบียบ ในการช่วยเหลือประชาชนและจัดงานศพ
โดยตัวแทนกรมการปกครองชี้แจงว่า ได้ดูแลประชาชนในส่วนหลัง ดูแลประชาชนได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ จากการชายแดนไทย-กัมพูชาในศูนย์พักพิง ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ มีการบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ อพยพประชาชนไปยังศูนย์อพยพ ปัจจุบันมีประชาชนอยู่ในศูนย์อพยพ 7 จังหวัด จำนวนเกือบ 200,000 คน
ปัจจุบันเหลือประชาชนอยู่ในศูนย์อพยพ 4 จังหวัด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ 78,000 คน จำนวน 612 ศูนย์ มีบางส่วนที่ประชาชนกลับไปอยู่บ้านเรือนภายใต้การดูแลความปลอดภัยของ ชรบ. และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่มีการลาดตระเวนความปลอดภัย ป้องกันการเกิดอาชญากรรม หลังการหยุดยิงกำชับข้าราชการให้ดูแลประชาชนในศูนย์พักพิง
อ่านข่าว : เลขาฯ ฝ่ายไทย-กัมพูชา สรุปกรอบ GBC ส่ง สมช.เคาะบ่ายนี้ ก่อนประชุมวงใหญ่
"ฮับส่งโฮงยา-โทรเวชกรรม" ยกระดับดูแลคนป่วยพื้นที่ห่างไกล ลดช่องว่างทางสุขภาพ