ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สว.จังหวัดชายแดน จี้ รบ.ตัดงบการศึกษากัมพูชา เหตุขาดมิตรภาพ

การเมือง
15:51
269
สว.จังหวัดชายแดน จี้ รบ.ตัดงบการศึกษากัมพูชา เหตุขาดมิตรภาพ
อ่านให้ฟัง
06:39อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สว.กมล รอกคล้าย จี้รัฐบาลตัดงบช่วยเหลือด้านการศึกษากัมพูชา เหตุขาดความเป็นกัลยาณมิตร หลังเหตุรุนแรงชายแดน ชี้เด็กเขมรเสียใจได้ แต่เด็กไทยตายไร้โอกาส ยันไม่ขัดสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล

วันนี้ (13 ส.ค.2568) นายกมล รอกคล้าย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา พร้อมคณะ สว.จากจังหวัดชายแดน เช่น ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนและปรับลดงบประมาณโครงการช่วยเหลือด้านการศึกษาที่ประเทศไทยมอบให้กัมพูชา โดยเฉพาะในบริบทของความตึงเครียดจากเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน, เด็กนักเรียน และชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนอย่างศรีสะเกษ, บุรีรัมย์, และสุรินทร์ 

นายกมลระบุว่า ประเทศไทยแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กต่างชาติในระบบการศึกษาไทย โดยเฉพาะเด็กจากกัมพูชา, เมียนมา และลาว ซึ่งมีจำนวนประมาณ 108,000 คน คิดเป็นงบประมาณราว 837 ล้านบาท/ปี หรือรายหัวประมาณ 20,000-30,000 บาท

เด็กเหล่านี้รวมถึงลูกหลานของแรงงานต่างด้าว, เด็กไร้สัญชาติ, กลุ่มชาติพันธุ์, และเด็กที่ข้ามชายแดนมาเรียน โดยเฉพาะจากกัมพูชาและลาว จำนวน 541 คน พร้อมได้เปรียบเทียบว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ยุโรปและสหรัฐฯ การให้สิทธิ์การศึกษาแก่เด็กต่างชาติจะจำกัดเฉพาะผู้ที่เข้าเมืองถูกกฎหมายตามหลักสากล แต่ไทยดูแลเด็กทุกกลุ่ม รวมถึงผู้ที่ข้ามชายแดนโดยไม่ถูกต้อง ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่ามาตรฐานสากล

นายกมลเสนอให้ระงับความช่วยเหลือด้านการศึกษาสำหรับเด็กกัมพูชาที่ข้ามชายแดนผิดกฎหมายชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์ชายแดนจะคลี่คลาย และย้ำว่าแนวทางนี้ไม่ขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เนื่องจากยังคงดูแลเด็กที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย 103,000 คน

นายกมลยกตัวอย่างเหตุการณ์รุนแรงที่ชายแดน เช่น การยิงระเบิดจากฝั่งกัมพูชาตกในร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ชายแดน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ว่าเด็กกัมพูชาที่กลับบ้านอาจเสียใจหรือร้องไห้ได้ แต่เด็กไทยที่เสียชีวิตจากระเบิดไม่มีโอกาสแม้แต่จะพบพ่อแม่หรือร้องไห้ และตั้งคำถามว่า "ตอนที่กัมพูชากดปุ่มยิงระเบิด พวกเขาคิดอะไร"

พร้อมเรียกร้องให้ลดความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ที่ไทยมอบให้กัมพูชา เช่น โครงการด้านสาธารณสุข, เทคนิค, และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไทยที่มอบให้เด็กกัมพูชา โดยควรปรับทิศทางให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่มีความสัมพันธ์ฉันมิตร เช่น ลาว, เมียนมา หรือเวียดนาม

ทางด้าน นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว สว.ศรีสะเกษ เสริมว่า ที่ด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ มีโรงเรียนห่างจากชายแดนเพียง 13 กิโลเมตร แต่มีนักเรียนที่พ่อแม่ทำงานในกัมพูชาข้ามมาเรียนในไทย โดยผู้ปกครองส่งลูกตอนเช้าและรับกลับตอนเย็น เขาตั้งข้อสงสัยว่าเด็กเหล่านี้บางคนมีสถานะ "เด็กติด G" ซึ่งต้องมีผู้ปกครองอาศัยในไทย แต่พบว่าผู้ปกครองทำงานและใช้ชีวิตในกัมพูชา การที่เด็กเหล่านี้ใช้ทรัพยากรของไทย เช่น ค่าเล่าเรียน, สิ่งปลูกสร้าง, และค่าจ้างครู คิดเป็นภาระประมาณ 300,000 บาท/เด็ก 10 คน

นายวิวัฒน์วิจารณ์ว่า กัมพูชาไม่สำนึกบุญคุณ "ข้าวแดงแกงร้อน" ที่ไทยช่วยเหลือในช่วงวิกฤตสงครามกัมพูชาปี 2510-2518 ซึ่งมีผู้อพยพกัมพูชาหลายแสนคนได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากไทย

ส่วนนายชาญชัย ไชยพิศ สว.บุรีรัมย์ กล่าวเพิ่มว่า ในช่วงปี 2520 ผู้อพยพกัมพูชานับแสนคนเข้ามาใช้ทรัพยากรของไทย ทั้งอาหาร, น้ำ, และที่พักพิง ภายใต้การดูแลของไทยและพระบรมราชานุเคราะห์ เขากล่าวว่าข้าวของไทยไร้ยาง แต่กัมพูชากลับไม่สำนึกบุญคุณ และยังก่อเหตุรุนแรงในปัจจุบัน ทำให้บ้านเรือนและชีวิตของคนไทยเสียหาย และยกตัวอย่างว่าชาวบ้านรอดชีวิตได้เพราะเชื่อฟังการอพยพจากฝ่ายปกครอง แต่ความเสียหายยังคงหนักหน่วง นายชาญชัยจึงสนับสนุนให้รัฐบาลทบทวนความช่วยเหลือทั้งหมดที่ให้กัมพูชา โดยเฉพาะด้านการศึกษา

เมื่อถูกถามถึงความกังวลว่าแนวทางนี้จะขัดหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ นายกมลยืนยันว่าได้ตรวจสอบหลักกฎหมายแล้ว และการตัดงบช่วยเหลือบางส่วนไม่ขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เนื่องจากยังคงดูแลเด็กที่เข้าเมืองถูกกฎหมายตามมาตรฐานสากล

และยังระบุว่า หากกัมพูชากล่าวหาว่าไทยละเมิดมนุษยธรรม ไทยก็พร้อมชี้แจงว่าได้ปฏิบัติตามหลักสากล และกัมพูชาที่ไม่แสดงความเป็นมิตรไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง ต่อข้อกังวลเรื่องการถูกมองว่ารังเกียจเชื้อชาติ นายกมลย้ำว่าไทยดูแลเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม แต่ต้องพิจารณาความเหมาะสมของค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเมื่อกัมพูชาก่อเหตุรุนแรงที่กระทบชีวิตคนไทย

สว. เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการตัดงบช่วยเหลือที่ไม่จำเป็น และจัดสรรทรัพยากรให้เด็กไทยและผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรก

อ่านข่าวอื่น :

จ่อยุติบทบาท ศบ.ทก. "โฆษก" เผยให้ มท.-กองทัพเป็นกลไกหลัก

บอร์ด สปส.เคาะกรอบงบบริหาร สนง.ประกันสังคมปี 69 กว่า 5,180 ล้านบาท