วันนี้ (13 ส.ค.2568) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและเห็นว่าในคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) หรือไม่
โดยศาลให้เรียกพยานบุคคลและพยานเอกสาร โดยให้พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องเสนอบันทึกถ้อยคำ ยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือ ตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด และส่งข้อมูลพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับรองความถูกต้อง ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ซึ่งตามคำร้อง สมาชิกวุฒิสภากล่าวอ้างว่า นายภูมิธรรมและ พ.ต.อ.ทวี มีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ ปี 2547 และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำ หน้าที่และอำนาจของ กกต. โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว.
อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่านายภูมิธรรมและ พ.ต.อ.ทวี ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4)(5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสอง สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
อ่านข่าว :
ศาล รธน.นัดชี้ชะตา "แพทองธาร" ปมคลิปเสียง "ฮุนเซน" 29 ส.ค.
"แพทองธาร" รอดศาลรัฐธรรมนูญ อาจไม่รอด ป.ป.ช.
กกต.แจงกรอบเวลาดำเนินคดีฮั้ว สว. 4 ขั้นตอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2