วันนี้ (14 ส.ค.2568) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก บรรยายพิเศษในหัวข้อ "เรื่องเล่าจากแนวหน้ากับการปกป้องอธิปไตยของชาติ" ที่ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ตามโครงการ "สาธิตเกษตรรวมใจสู่แนวหน้า ปลูกต้นกล้าแทนคุณแผ่นดิน"
แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ดีใจที่ได้มาเห็นน้องๆ ทำกิจกรรม และได้ร้องเพลงชาติร่วมกัน ซึ่งธงชาติผืนนี้กว่าจะได้มาเป็นผ้า 3 สี ต้องเสียเลือดเนื้อบรรบุรุษมามาก พร้อมย้ำว่า วิชาศีลธรรมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากมนุษย์ไม่มีศีลธรรมก็ไม่มีค่า และประเทศชาติก็จะวุ่นวายล่มสลาย มีแต่กอบโกยผลประโยชน์ โดยยืนยันว่า แม่ทัพไม่เคยกลัวใครในโลกนี้ ไม่ใช่เฉพาะประเทศนี้ เพราะคิดดีต่อชาติ แผ่นดิน และประชาชน ยึดถือในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความเป็นคน

พร้อมย้อนเล่าเหตุการณ์ปะทะในช่วงวันที่ 24-28 ก.ค.2568 ว่า มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะการแสดงออกที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเปิดให้กัมพูชาขึ้นมาชมนานแล้วตามข้อตกลงของรัฐบาล แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่มีสิทธิ์ปิดและกัมพูชาก็ไม่ยอมรับว่าเป็นของไทย จึงเกิดปัญหาขึ้น
ซึ่งในช่วงวันที่ 24 ก.ค.2568 ทราบว่า จะมีกลุ่มวัยรุ่นมานัดเจอกันที่ปราสาทตาเมือนธม จึงเสนอกัมพูชาให้ปิดพื้นที่ไปก่อน จึงตัดสินใจขออนุมัติปิดปราสาทตอน 02.00 น. ก่อนที่ประชาชนกัมพูชาจะขึ้นมา แต่ช่วงเช้าทหารกัมพูชาได้ยิงเข้ามาจึงเกิดการปะทะตั้งแต่นั้น
และในเมื่อเกิดการปะทะแล้วก็ขอยึดแผ่นดินคืน ในช่วงเวลา 5 วัน 4 คืน เช่น ภูมะเขือ เป็นพื้นที่สูงทัศนียภาพดีมาก และหลายพื้นที่ยืนหยัดอธิปไตย แต่การปะทะเป็นธรรมดาที่เกิดการสูญเสีย 2 ฝ่าย
พล.ท.บุญสินกล่าวด้วยว่า เมื่อยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอ่านโพย ก็พร้อมตอบได้ทุกคำถามเพราะไม่มีผลประโยชน์ โดยขณะนี้มีทหารที่ยังไม่หายบาดเจ็บดีขอออกไปช่วยแนวหน้า
ฉะนั้นยืนยันว่า ทหารพร้อม ทำหน้าที่และการสู้รบที่ผ่านมาอยู่ในเขตประเทศไทยไม่ได้รุกรานใคร โดยพระมหากษัตริย์ทรงห่วงใยทหาร ดังนั้นขวัญกำลังใจของทหารดีทุกคน
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ย้ำในฐานะผู้แทนกองทัพบก ว่า มีหน้าที่สื่อสารการทำงานให้ประชาชนรับทราบ เพื่อยืนยันความจำเป็นของกองทัพในการปฏิบัติทางทหาร ซึ่งการสู้รบครั้งนี้เป็นรูปแบบลูกผสมมีการใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเป็นโจทย์ที่ซับซ้อนและยากลำบาก เพราะกัมพูชาเป็นการสื่อสารทางเดียว จึงมีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจใน 3 กลุ่ม คือ ต่างประเทศ เพื่อให้ตัดการสนับสนุนกัมพูชา ตอบโต้กัมพูชา และชี้แจงคนไทย ซึ่งความเข้าใจจากคนไทยสำคัญที่สุด และกัมพูชาจะชนะเราไม่ได้หากทหารได้รับแรงหนุนและกำลังใจจากประชาชน
พร้อมชื่นชมแม่ทัพภาคที่ 2 ในเรื่องบุคลิกที่มีเสน่ห์ถือความรู้สึกของคนทั้งประเทศไว้และเป็นความโชคดีที่มีบุคลากรที่ไม่ได้พยายามปั้นเหมือนฝั่งกัมพูชา แต่มีความเป็นธรรมชาติ และการแสดงออกต่างๆ ไม่ใช่คนที่มัก้าวร้าว
หลังจากนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ตอบคำถามเยาวชน หากขอพรพิเศษได้ 1 ข้อ จะขออะไร โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ต้องการให้ประเทศไทยมีความสุขเจริญรุ่งเรืองและไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน นอกจากนี้ยังตอบคำถามว่า หากมีการรุกรานประเทศไทยอีกจะทำอย่างไร โดยแม่ทัพภาคที่ 2 อธิบายขั้นตอนการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และขับไล่ศัตรูออกจากประเทศให้เร็ว
พร้อมย้ำกับนักเรียนว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่เคยมีคำว่า เหนื่อยในการปกป้องแผ่นดิน เพราะไม่มีเวลาไปคิดอย่างอื่นและไม่มีเวลาไปทะเลาะกับคนในประเทศไทย มีแต่การทำหน้าที่ขับไล่อริราชศัตรู เพราะหากเหนื่อยใครจะปกป้องประเทศ
ทั้งนี้ขอให้คนทุกช่วงวัยหันมาดูธงชาติไทย และช่วยกันรักษาสีธงชาติให้ครบ มีความสามัคคี เสียสละ รักชาติ รักแผ่นดิน มีสติในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และถ้าคนไทยเป็นหนึ่งเดียวจะไม่มีใครสู้ประเทศไทยได้
ทั้งนี้โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา จัดทำโครงการ "สาธิตเกษตรรวมใจสู่แนวหน้า ปลูกต้นกล้าแทนคุณแผ่นดิน" เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องหน้าที่และความเป็นพลเมืองไทยตื่นรู้ที่มีสำนึกรักชาติผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียนจากกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อนำมาสู่การปฏิบัติจริงในฐานะแนวหลังที่มีส่วนในการช่วยเหลือและสนับสนุนกองทัพในการปกป้องประเทศชาติในสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
อ่านข่าว : คุมตัว "จอนนี่ มือปราบ" และภรรยา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯ
ตั้งศูนย์ตรวจสอบอาคาร สำรวจ-ซ่อมแซมบ้านเสียหาย เหตุปะทะไทย-กัมพูชา