ในสมรภูมิอันดุเดือด หรือสถานการณ์ที่ตึงเครียดถึงขีดสุด บ่อยครั้งที่กายไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่บาดเจ็บ แต่จิตใจก็อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน โรคความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ หรือ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) เป็นภาวะทางจิตที่พบได้บ่อยในกลุ่มบุคลากรทางทหาร ผู้ที่ผ่านสงคราม หรือผู้ที่ต้องเผชิญเหตุการณ์วิกฤตต่าง ๆ มีความแตกต่างจากความเครียดในชีวิตประจำวันของพลเรือนอย่างสิ้นเชิง
จากระเบิดสู่ฝันร้าย สาเหตุ PTSD ที่ซ่อนเร้นในนักรบ
Military Stress: Causes, Effects, and Coping กล่าวถึงสาเหตุหลักการเกิด PTSD ในทหาร มาจากการประจำการในเขตความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากับการรบโดยตรง ทหารต้องเจอกับความไม่แน่นอน ความหวาดกลัวว่าจะบาดเจ็บหรือตาย และเห็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เช่น การเสียชีวิตของเพื่อนร่วมรบ สงครามสมัยใหม่ที่ต่อสู้กับกลุ่มนอกภาครัฐ และใช้วิธีการรบที่ไม่แน่นอน เช่น อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง ทำให้ทหารต้องแยกแยะระหว่างศัตรูกับพลเรือน ซึ่งเพิ่มความเครียดอย่างมาก
นอกจากนี้ ภารกิจรักษาสันติภาพก็สร้างความเครียดเฉพาะตัว เช่น เห็นพลเรือนทุกข์ทรมานแต่ไม่สามารถช่วยได้เต็มที่ การเจอเหตุการณ์เหล่านี้ซ้ำ ๆ และประจำการนาน ๆ เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิด PTSD
นอกจากความเครียดจากการรบแล้ว เอกสาร Specific Populations and Trauma Types Military and ex-military personnel โดย Phoenix Australia ยังระบุถึงสาเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการประจำการ เช่น การฝึกหัดภายใต้สภาวะสุดขีด หรือการถูกล่วงละเมิดทางเพศ การบาดเจ็บทางกายและอาการปวดเรื้อรังก็เชื่อมโยงกับ PTSD โดยตรง การแยกจากครอบครัวทำให้เกิดความเหงาและวิตกกังวล และที่สำคัญคือการเปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตพลเรือน ซึ่งเป็นความท้าทายใหญ่ เพราะทหารอาจสูญเสียตัวตน หางานทำยาก และปรับตัวจากชีวิตที่มีระเบียบสูงไม่ได้ ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น
"นอนหลับ" กุญแจสำคัญปลดล็อก PTSD ในทหาร
บทความเรื่อง Combat exposure, post-traumatic stress symptoms, and health-related behaviors: the role of sleep continuity and duration ในเว็บไซต์ NIH กล่าวถึงความสัมพันธ์ของการนอนหลับกับ PTSD นั้นสำคัญมาก ปัญหาการนอนหลับพบได้บ่อยและเรื้อรังในทหารผ่านศึก กว่าร้อยละ 72 ของทหารที่กลับจากอิรักจะนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง/คืน
การศึกษาพบว่าปัญหาการนอนหลับอย่างต่อเนื่องมีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการรบกับอาการ PTSD ความก้าวร้าว การดื่มแอลกอฮอล์ และพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ หากนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง/วัน ความสัมพันธ์นี้จะรุนแรงยิ่งขึ้น แม้ในสนามรบจะหลีกเลี่ยงปัญหานอนได้ยาก แต่หลังปลดประจำการ ทหารสามารถแก้ไขได้ การปรับปรุงการนอนหลับจึงเป็นเป้าหมายหลักในการลด PTSD และพฤติกรรมทำลายสุขภาพ
อาการ PTSD สัญญาณที่ต้องใส่ใจ
อาการหลักของ PTSD คือ ภาพย้อนอดีต (Flashback) การฝันร้าย หรือรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ พร้อมความวิตกกังวลรุนแรง ผู้ป่วยอาจมองโลกในแง่ลบ สูญเสียความสนใจ และมีความคิดอยากทำร้ายตัวเอง รวมถึงการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์
Phoenix Australia ระบุว่า ในบุคลากรทางทหาร อาการมักแสดงออกทางอ้อม เช่น ความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชา หรือปัญหาทางวินัย ความขัดแย้งในครอบครัว และการใช้ความรุนแรง การใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติด เป็นการพยายามบำบัดตัวเอง บางรายอาจมี อาการทางกายภาพ เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ซึ่งเป็นวิธีแสดงความทุกข์ใจเมื่อกังวลเรื่องการตีตราทางจิตใจ หรืออาจเกิดอาการรุนแรงขึ้นเมื่อเผชิญเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่คล้ายกับประสบการณ์เดิม และเมื่อปลดประจำการ การสูญเสียตัวตนและเครือข่ายสนับสนุน อาจนำไปสู่การปรากฏของอาการ PTSD อย่างต่อเนื่อง
ในอดีตสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มีภาวะ "เชลล์ช็อก" (Shell Shock) ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากแรงระเบิด แต่ภายหลัง American Brain Foundation พบว่าทหารที่ไม่ได้อยู่ใกล้ระเบิดก็มีอาการ จึงมองว่าเป็นปัญหาทางอารมณ์ ปัจจุบันคำนี้เป็นเพียงประวัติศาสตร์เท่านั้น
แต่จากการวิจัยสมัยใหม่ โดยเฉพาะหลังสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน พบหลักฐานเชื่อมโยงกับความเสียหายทางกายภาพของสมอง การได้รับคลื่นระเบิดซ้ำ ๆ แม้ระดับต่ำ สามารถนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังในสมอง ทำลายเซลล์และหลอดเลือด การวิจัยพบรูปแบบความเสียหายในส่วนสมองที่ควบคุมการตัดสินใจ ความจำ และการให้เหตุผล และยังเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า ความหวาดระแวง และการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นในทหาร
จิตบำบัด-ยา ช่วยเปลี่ยนชีวิตนักรบ
แม้จะมีแนวทางรักษา PTSD ที่มีประสิทธิภาพ แต่ Paula P. Schnurr จาก National Center for PTSD and Geisel School of Medicine at Dartmouth กล่าวว่า บุคลากรทางทหารและทหารผ่านศึกมักตอบสนองต่อการรักษาน้อยกว่าพลเรือน ซึ่งอาจมาจากบาดแผลที่รุนแรง เรื้อรัง และโรคร่วมอื่น ๆ อุปสรรคใหญ่คือความไม่สบายใจในการขอความช่วยเหลือ
วัฒนธรรมนักรบ ทำให้การแสดงความอ่อนแอทางจิตใจ ถูกมองว่าเป็นข้อบกพร่อง และกลัวกระทบอาชีพ ส่งผลให้ทหารจำนวนมากไม่ได้รับการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม การรักษาและแหล่งสนับสนุนที่เหมาะสมมีส่วนช่วยได้มาก Meaghan Rice นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ และสุขภาพที่ดี แนะนำว่าการรักษาผู้ป่วย PTSD ต้องใช้วิธี "จิตบำบัด" ที่เน้นรักษาบาดแผลทางใจ เช่น CPT (Cognitive Processing Therapy), PE (Prolonged Exposure) และ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) รวมถึงการใช้ยา การแก้ไขปัญหาการนอนหลับก็สำคัญ การดูแลตนเองเบื้องต้น ได้แก่ การฝึกสติ การออกกำลังกาย การมีเครือข่ายสังคม และลดการใช้แอลกอฮอล์-สารเสพติด
สิ่งสำคัญที่สุดคือขอความช่วยเหลือโดยเร็ว การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของทหาร
จะช่วยให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตที่มีคุณภาพที่ดีได้อีกต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล : Talkspace, PTSD RESEARCH QUARTERLY, American Brain Foundation, Phoenix Australia, NIH
อ่านข่าวอื่น :
ส่งร่าง "พลทหารรัฐภูมิ" ชันสูตร รพ.สุรินทร์ ยืนยันสาเหตุเสียชีวิต
มทภ.2 เสียใจ กรณี "พลทหาร" ทำร้ายประชาชน ในพื้นที่ จ.สุรินทร์
พบตัวแล้ว "พลทหาร" ยิงชาวบ้านเจ็บ - นำญาติเจรจาให้มอบตัว