หลัง "เดชอิศม์ ขาวทอง" รมช.กระทรวงมหาดไทย ประกาศก้องจะนำที่ดินหลวงทุกตารางนิ้ว กลับมาเป็นของหลวงให้ได้ทุกตารางนิ้ว และทำเอกสารสิทธิให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ที่ดินอัลไพน์ ที่ดินเขากระโดง หรือ ที่ดินแรนโช ชาญวีร์ ของ "อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รอเพียง "เชษฐา โมสิกรัตน์" อธิบดีกรมที่ดิน คนใหม่ เข้ามาทำงานเต็มตัว ก็จะสั่งได้ทุกเรื่องทุกแปลงทั่วประเทศ
เดชอิศม์ ไม่ใช่สิงห์ทองจากคณะรัฐศาสตร์ แต่จบปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายจาก “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย คือ การกำกับดูแลกรมที่ดินที่กำลังมีปมร้อนจากคดีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และคดีที่ดินอัลไพน์ของ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี
การโยก "เดชอิศม์" อดีตผู้สมัครสส.พรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2548 และสส. สงขลา 2 สมัยจากพรรคประชาธิปัตย์ มาไล่บี้ที่ดินเขากระโดงของค่ายสีน้ำเงิน "ภูมิใจไทย" ที่คุมกระทรวงมหาดไทยมานานเกือบ 2 ปี ในทางการเมืองที่ต้องเตรียมเข้าโหมดการเลือกตั้งใหม่ในอนาคต เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้
ยกเว้นคำสั่งให้ "เชษฐา" อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา "สิงห์แดง" ธรรมศาสตร์ เข้ามารับเผือกร้อนเต็ม ๆ ในฐานะอธิบดีกรมที่ดิน ที่จะต้องเข้ามากำกับดูแลคดีข้อพิพาทปมที่ดินเขากระโดง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ในการตัดสินใจว่า จะสามารถเซ็นคำสั่งเพิกถอนในห้วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ของรัฐบาลชุดนี้ได้ทันหรือไม่
หากสำรวจสิงห์ดำ-แดง-ทอง หรือสิงห์ไม่มีสี ที่เคยสังกัดค่ายสีน้ำเงิน ถูกเด้งเข้ากรุผู้ตรวจราชการฯ ยกแผง ตามมติครม.เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชระดับ 10 ไม่ว่าจะเป็น "ณรงค์ เทพเสนา" อดีตผวจ.อำนาจเจริญ ในช่วงที่ดีเอสไอลงพื้นที่สอบคดีฮั้วเลือกตั้งสว. หรือ "ชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล" อดีตผวจ.อ่างทอง ที่สนิทกับบ้านใหญ่อ่างทอง "สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" บิดาของ 2 สส. "กรวีร์-ภราดร" ที่เพิ่งงัดข้อกับ "ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์" รมช.มหาดไทย เรื่องงบช่วยเหลือผู้อพยพเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
เป็นเหตุให้ "ภูมิธรรม" สั่งเด้ง พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผวจ.อุบลราชธานี มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทยและต่อมาภายหลังมีคำสั่งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย หรือให้ อดีตผวจ.ปราจีนบุรี "วีระพันธ์ ดีอ่อน" มาอยู่ในกรุผู้ตรวจฯ ด้วยเหตุสนิทกับ "อำนาจ วิลาวัลย์" หลานชายโกทร "สุนทร วิลาวัลย์"อดีตนายก อบจ. บ้านใหญ่วิลาวัลย์ รวมทั้งโยกสองผวจ.ภาคใต้ "ร.ต.ตระกูล โพธรรม ผวจ.นราธิวาส และ "อังกูร ศิลาเทวกุล" ผวจ.กระบี่ ที่ถูกมองว่าเป็นสายตรงของ "โกเกี๊ยะ" พิพัฒน์ รัชกิจประการ แม้ไม่ใช่การ "ล้างบาง"สีน้ำเงิน แต่ทั้งหมดก็ถูกย้ายยกล็อต
หากจัดโหมดสี เหล่า "สิงห์คลองหลอด" สำหรับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายกว่า 30 ตำแหน่งในรอบนี้ ภายใต้การกำกับของ "ภูมิธรรม"สิงห์ดำ รัฐศาสตร์จุฬาฯ รุ่น 25 ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า เป็นการกระชับพื้นที่และยึดครองได้แบบเบ็ดเสร็จ โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น "วิบูลย์ สงวนพงศ์" อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และ "อภิชาติ โตดิลกเวชช์" อดีตอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนสิงห์ดำรุ่น 31 เป็นทีมที่ปรึกษา
แม้ก่อนหน้านี้ "พรพจน์ เพ็ญพาส" อดีตอธิบดีกรมที่ดิน จะทำเรื่องขอโยกตัวเองหนีปมร้อนที่ดินเขากระโดง อาจจะ "ถูกดอง"อยู่ในกรุผู้ตรวจฯ กลับได้นั่งเก้ารองปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้ง ๆที่ถูกจับตามองว่า อยู่ในสังกัดของค่ายสีน้ำเงิน
แต่ต้องไม่ลืมว่า "พรพจน์" เป็นสิงห์ไร้สี จบจาก "วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ" ทว่าที่กระทรวงคลองหลอด ข้าราชการต่างรับรู้ว่า เขาเป็นศิษย์เอกของปลัดฉิ่ง "ฉัตรชัย พรหมเลิศ" อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่าที่หัวหน้าพรรคโอกาสใหม่ และ "วิบูลย์ สงวนพงศ์" เพื่อนร่วมรุ่นของสิงห์อ้วน "ภูมิธรรม"
ดังนั้น การวางไลน์ "สิงห์ดำ" ให้ผงาดเพื่อจัดทัพใหญ่ขึ้นมาคุมการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ในหลายๆ จังหวัด และชิงความได้เปรียบทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นสิ่งจำเป็น
โดยเฉพาะในจังหวัดในปริมณฑล เช่น เมืองปากน้ำ มีการขยับสิงห์ดำรุ่น 45 สยาม ศิริมงคล หรือ "ผู้ว่าเก๋า" อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พ.ช) อดีตผวจ. นครพนม, อุดรธานี และนครราชสีมา มาเป็นพ่อเมืองสมุทรปราการ คุมโซนพื้นที่ของบ้านใหญ่ตระกูลอัศวเหม ที่ต่อมาต้องพ่ายให้กับพรรคประชาชน
สำหรับ "ผู้ว่าเก๋า" หรือ สยาม ถือเป็น "สิงห์ดำ"ดาวรุ่งของรุ่น ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ปัจุจุบันมีวัย 51 ปี และจะเกษียณอายุราชการในปี 2577 แล้ว ยังมีรุ่นพี่สิงห์ดำ คือ "ปลัดป็อป" อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อดีตปลัดกระทรวงคลองหลอด คอยผลักดัน จึงมีสิทธิ์สูงที่จะนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยในอนาคต
ขณะเดียวกัน ยังมีการโยกสิงห์ดำรุ่น 42 ไม่ว่าจะเป็น "จุมพฎ วรรณฉัตรสิริ" ผวจ.บึงกาฬ และ "ชูชีพ พงษ์ไชย" ผวจ.ตาก มาอยู่ในไลน์ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และให้ "นริศ นิรามัยวงศ์" ผวจ.สมุทรสาคร เป็นผวจ.ชลบุรี ตั้ง "ทศพล เผื่อนอุดม"ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผวจ. เชียงใหม่
ส่ง"ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าฯหญิงจาก จ.พิจิตร เป็นผวจ.ปทุมธานี ให้ "ชยชัย แสงอินทร์" ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผวจ. สมุทรสงคราม โยก "ชุติพร เสชัง" ผู้ว่าฯหญิงจากนครสวรรค์ เป็นผวจ.แม่ฮ่องสอน ให้ "ศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร" ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผวจ.ภูเก็ต
ส่ง "สมบัติ ไตรศักดิ์" ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ สิงห์บุรี ขยับให้สิงห์ไม่มีสีจากมอ.ปัตตานี "สุรศักดิ์ อักษรกุล" ผวจ. หนองบัวลำภู อดีตรองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน "ลูกหม้อ"ที่ถูกโยกไปเป็นรองผู้ว่าอุดรธานี และผวจ.หนองบัวลำภู กลับมานั่งเก้าอี้อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผ่านการผลักดันของ "ไชยา พรหมมา" สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ได้กลับคืนถิ่นเก่ามาดูแลส่งเสริมงานด้านผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP
การจัดทัพมหาดไทย เพื่อวางไลน์การเมืองรับมือเลือกตั้งในอนาคตของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นจุดหมายสำคัญ หลังปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการแต่งตั้งผู้ว่า ฯ เซมเบ้ "นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร" อดีตผวจ.เชียงใหม่ สิงห์ดำรุ่น 44 เป็นอธิบดีกรมการปกครองและขยับ "ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์" สิงห์ดำรุ่น 41อดีตผวจ.เมืองเพชรบุรี เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รอล่วงหน้า
ถือเป็นการกระชับพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ที่เข้ามาจัดทัพในกระทรวงมหาด ไทย ได้แบบเบ็ดเสร็จในยุค "สิงห์(ภูมิธรรม)ดำ" ก้าวขึ้นมาคุมฝ่ายปกครองทั่วประเทศ...ที่เหลือจึงต้องจับตาว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า อำนาจที่แท้จริงยังเป็นของประชาชน หรือฝ่ายการเมือง
กิ่งอ้อ เล่าฮง บรรณาธิการอาวุโส รายงาน
อ่านข่าว
รองเท้ากัน "ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล" เกราะ "ป้องขา" ในสนามรบ