ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

วิเคราะห์ : เปลี่ยนม้ากลางศึก? ประเมิน 3 ฉากทัศน์การเมือง

การเมือง
12:39
342
วิเคราะห์ : เปลี่ยนม้ากลางศึก? ประเมิน 3 ฉากทัศน์การเมือง
อ่านให้ฟัง
05:35อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

จนถึงขณะนี้ ฉากทัศน์ในคำร้องขอให้สอบ "คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม" ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน ยังคงมีอยู่ 3 ฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นได้ คือ ลาออก เพื่อตัดตอนการเมือง, รอฟังคำวินิจฉัย-ชี้ขาด ที่มีทั้งจะรอดและร่วง

และหากประมวลจากท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่พูดว่า "ยังไม่มีอะไรชัดสักอย่าง" เพื่อปฏิเสธเรื่องการเตรียมพร้อมเลือกตั้งในปี 2569 และการไม่ตอบคำถามกรณีที่จะหวนคืนไปจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็น่าจะประเมินได้หรือไม่ว่า ดีลใหม่..ยังไม่ลงตัว

3 ฉากทัศน์ทางการเมืองที่วิเคราะห์กันออกมาก่อนหน้านี้ "ยังไม่มีอะไรชัดสักอย่าง" เหมือนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล อ้างอิง เพราะ 3 ทางยังคงเกิดขึ้นได้ จะลาออกเพื่อตัดตอน, จะรอฟังคำวินิจฉัย..ไม่ว่าจะรอดหรือร่วง แต่ที่ชัดคือทั้ง 3 ทางมีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นแน่ๆ

นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า เห็นมีสมการใหม่เกิดขึ้น หากมีอะไรเกิดขึ้นอาจดึงภูมิใจไทยไปร่วมรัฐบาล มีแนวโนมหรือไม่

ไม่มี ไม่มีสมการอะไรทั้งสิ้น สมการแปลว่าต้องเท่ากัน ภูมิใจไทยมี 70 เสียง

สมการ แปลตามความหมายของคำก็เป็นไปตามที่นายอนุทินพูด "เท่ากันทั้ง 2 ข้าง" แต่หากจะตีความ นายอนุทินกำลังบอกอะไรที่ "ยังไม่เท่ากันทั้ง 2 ข้าง" หรือเปล่า จึงยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ นั่นคือคำตอบจากคำถามว่า "ภูมิใจไทย" จะหวนคืนไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไหม หากท้ายที่สุดแล้ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ตัดสินใจลาออก หรือเดินหน้าสู้คดี แล้วคำวินิจฉัยชี้ขาดออกมาว่า "ไม่รอด"

จะว่าไปก็ไม่ต่างกับเมื่อวันก่อนที่นายอนุทิน ไม่ตอบเรื่องการเตรียมพร้อมเลือกตั้งใหญ่ในปี 2569 เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยตอบแค่ว่า "ยังไม่มีอะไรชัดสักอย่าง" นั่นอาจตีความได้ไหม ยังไม่มีทางใดชัดเจนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ที่ชัดคือยังไม่ยุบสภาฯ เพื่อเลือกตั้งใหม่ แน่นอน

แต่เป็นไปได้หรือไม่ในความที่ไม่ชัดอาจจะชัดมากขึ้น สำหรับคำว่า "เปลี่ยนม้ากลางศึก" ว่าแต่..จะเปลี่ยนจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายชัยเกษม นิติสิริ หรือเป็นใครกันแน่ แต่ที่แน่ๆ จนถึงวินาทีนี้ยังไม่มีสัญญาณให้เตรียมพร้อมถึงนายชัยเกษม และจากที่ได้พูดคุยกันครั้งล่าสุด มีคำหนึ่งที่นายชัยเกษมพูดออกมาคือ "สถานการณ์มันเกินเวลาของผมไปแล้ว" หรือไม่

และเมื่อไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทย เวลานี้คนของพรรครวมไทยสร้างชาติเริ่มชัดขึ้น แต่ไม่ชัดว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ด้วยบุคคลทั้ง 2 คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

ซึ่งนัยที่คนของพรรคเพื่อไทยบอกให้ตั้งข้อสังเกตไว้ คือหากวันนี้ (21 ส.ค.) นายกรัฐมนตรี "แพทองธาร ชินวัตร" เดินทางไปไต่สวนด้วยตัวเอง นั่นอาจหมายความถึงความมั่นใจ ทั้งตัวของนายกฯ และทีมกฎหมายที่ร่วมซักซ้อมกันอยู่ สรุปคือพร้อมเดินลุยไฟ เพื่อรอดออกมา

แต่อย่างที่เคยบอก รอดจากคำร้องเรื่องคลิปเสียงสนทนากับฮุนเซน ยังมีคำร้องอื่นในมือ ป.ป.ช. โดยเฉพาะการโยกงบฯ ไปแจกเงินหมื่นอีก ซึ่งไม่ใช่แค่ไฟ แต่จะเป็นระเบิดลูกใหญ่ แต่การรอดจากไฟ หากจะทอดเวลาให้สถานการณ์การเมืองนิ่งไปอีก 2-3 เดือน เพื่อรับมือกับปม-ปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง ก็พอจะเป็นไปได้

คนในพรรคเพื่อไทยบอกว่า แต่ก่อนจะไปถึงจุดเปลี่ยน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเป้าหมายของพรรคต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด นั่นคือการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเท่านั้น หรือมากที่สุดก็เปลี่ยน ครม.ไปด้วย แต่ต้องคงความเป็น 11 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมให้เหนียวแน่น

ด้วยเหตุที่ว่านี้อาจเกี่ยวข้องกับคำอ้างอิงของนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปฏิเสธว่า "ไม่รู้สึกว่าการเมืองเริ่มร้อน" ซึ่งหากจะยึดคำเดิมก็คือให้ทุกอย่างเป็นไปตาม "กระบวนการ" ชี้ถูก..ก็อยู่ต่อ ชี้ผิด..ก็เดินตามขั้นตอนของกฎหมาย

นี่คือข้อสังเกตที่ว่า "เปลี่ยนม้ากลางศึก" ไหม ยังต้องประเมินสถานการณ์ และยังคง 3 ฉากทัศน์อยู่ หากแต่เป้าหมายคือต้องเปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด หลังจาก "ไต่สวน" ต้องประเมินสถานการณ์กันอีกรอบ โดยเฉพาะกับความที่เป็นไปได้จากการไต่สวนเลขาธิการ สมช. ซึ่งเท่าที่รู้ 3 วันแล้วที่สำนักนายกฯ ส่งคนไปซักซ้อมข้อกฎหมายกับเลขาธิการ สมช.

อ่านข่าว

"แพทองธาร" ถึงศาล รธน.ไต่สวนคดีคลิปเสียง "ฮุนเซน"

เปิดคำร้อง 36 สว.ปมคลิปเสียง "แพทองธาร-ฮุนเซน" แจงยิบผิดจริยธรรมข้อใด

"ภูมิธรรม" ขอ "แพทองธาร" ขึ้นศาลราบรื่น โต้กระแสวิ่งเต้นมติ 5:4