วันนี้ (21 ส.ค.2568) สมาคมโรงแรมไทย เตรียมยื่นฟ้อง ศาลปกครอง เพื่อตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของมติ คณะกรรมการค่าจ้าง ที่กำหนดให้โรงแรมทุกจังหวัดจ่าย ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน ตั้งแต่ 1 ก.ค.2568 ซึ่งส่งผลกระทบหนักต่อธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวน้อยและเศรษฐกิจซบเซา
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ระบุว่า เศรษฐกิจแต่ละพื้นที่แตกต่างกันอย่างมาก ทั้งค่าครองชีพ ต้นทุน และความสามารถของธุรกิจ โดยเฉพาะโรงแรมใกล้ชายแดนกัมพูชาที่มีอัตราการเข้าพักต่ำ แต่ต้องจ่ายค่าแรงเท่ากันทั่วประเทศ ซึ่งค่าแรงคิดเป็นร้อยละ 25-30 ของต้นทุนทั้งหมด มองว่าการกำหนดค่าแรงครั้งนี้อาจ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และสร้างความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากไม่ครอบคลุมโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตอีกหลายหมื่นแห่ง ทำให้โรงแรมที่มีใบอนุญาตราว 15,000 แห่ง เสี่ยงไม่อยากอยู่ในระบบเพราะต้นทุนสูงกว่า
ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ นายสมโภช เสาร์ศรีอ่อน รองประธานหอการค้าและประธานผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท อ.เมืองนราธิวาส กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมมีค่าใช้จ่ายหลายด้าน การขึ้นค่าแรง แม้พนักงานพอใจ แต่ไม่สอดคล้องกับรายได้
เช่นเดียวกับ นายหริณยศ ก่อเกียรติพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมริเวอร์ ปัตตานี และ นายสุทน อินทราวุธ ผู้จัดการโรงแรมปาร์ควิว จ.ยะลา ที่ระบุว่า บริบทพื้นที่ชายแดนใต้แตกต่างจากจังหวัดอื่น อัตรานักท่องเที่ยวต่ำ จึงควรให้เวลาโรงแรมปรับตัว
ที่ จ.ลำพูน นายวีระ พานแก้ว ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมแกรนด์ ปา แอนด์ รีสอร์ท เผยว่า พนักงานร้อยละ 30 ต้องได้ค่าแรงตามมติใหม่ ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเดือนละกว่า 40,000 บาท ส่วนที่ จ.กำแพงเพชร นายวิชา จันทร์เชื้อ ผู้ประกอบการโรงแรมพีพาราไดซ์ ยอมรับว่า การขึ้นค่าแรงกระทบหนัก โดยเฉพาะโรงแรมใหม่ที่มีหนี้สิน อาจต้อง ลดพนักงาน หรือ ลดวันทำงาน เพื่อรับมือ
สมาคมโรงแรมไทยย้ำว่า การปรับค่าแรงควรพิจารณา บริบทแต่ละพื้นที่ ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ
อ่านข่าวอื่น :
"สี จิ้นผิง" เยือนทิเบตตอกย้ำอำนาจจีนก่อนสืบทอด "ดาไลลามะ"
มาเลเซียขอเพิ่มผู้สังเกตการณ์หยุดยิง ไทยปฏิเสธขอคุยแค่ 2 ฝ่าย