วันนี้ (28 ส.ค.2568) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมเรื่องปัญหาการเยียวยาตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า ต้องยอมรับว่า การปะทะตามแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชาชนจำนวนมาก รวมถึงภาคธุรกิจ เป็นผู้ที่เสียสละ
ดังนั้นเมื่อมีผลกระทบเกิดขึ้น แม้วันนี้การปะทะยุติลงชั่วคราว แต่การเยียวยายังคงมีความจำเป็น จะเป็นการสร้างความมั่นใจว่า ประเทศไทย รัฐบาลดูแลประชาชน ไม่ได้ทอดทิ้ง และ ต้องไม่ลืมว่าการปะทะอาจเกิดขึ้นได้อีก
ถ้าการเยียวยาไม่มีประสิทธิภาพและไม่ดีพอ สุดท้ายประชาชนอาจจะตัดสินใจอีกแบบหนึ่ง เมื่อมีการปะทะในครั้งต่อไป เช่น อาจจะอยู่เฝ้าบ้าน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องสร้างการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ วันนี้จึงได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาพูดคุยในเรื่องนี้
นายรังสิมันต์กล่าวว่า เบื้องต้นมีแนวทางการเยียวยาออกมาแล้ว แต่ยังไปไม่ถึง หรือไปถึงแต่ช้า หรือยังไม่มีประสิทธิภาพ เช่น มีระเบิดลงในไร่นาไร่สวน แต่ให้เงินเยียวยาหลักสิบ มันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ หรือแม้แต่การขาดรายได้ก็มีผลกระทบ รวมถึงตลาดค้าขายที่วันนี้เราต้องมองหาตลาดอื่น แต่จะทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่าการเยียวยาต้องจำแนกกลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กลุ่มไหนที่ตกหล่น ต้องทำให้เข้ากลุ่ม กลุ่มไหนที่ได้แล้ว ก็ต้องไปดูว่า เพียงพอต่อสถานการณ์หรือไม่ และอันไหนที่ยังขาดความสมเหตุสมผลก็ต้องแก้ไข และต้องเร่งสร้างความมั่นใจถ้าไม่มีความมั่นใจต่อไปอาจจะมีปัญหาในลักษณะแบบนี้อีกประชาชนก็จะมีคำถาม
ลุ้นถก MOU43-44 ได้เข้าสภาฯ วันนี้หรือไม่
นายรังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นญัตติพิจารณา MOU 43-44 ในสัปดาห์นี้ ว่า ก็ยังลุ้นอยู่เหมือนกัน เพราะสัปดาห์ที่แล้วตกลงกันแล้วทั้ง 2 ฝ่าย ว่า จะต้องเลื่อนญัตติขึ้นมาพิจารณา และยืนยันจะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรที่จะศึกษาเรื่องนี้ วันนี้ประชาชนมีจุดประสงค์ที่อยากให้ทบทวนเรื่องนี้เขามีเจตนาดีเป็นห่วงประเทศชาติ
ดังนั้น สภาในฐานะที่เราอยู่ในอำนาจที่สำคัญ ควรศึกษาพิจารณาข้อดีข้อเสีย และเชิญนักวิชาการ ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามา คิดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ น่าจะราบรื่น จึงไม่เข้าใจว่า อยู่ๆ ทำไมรัฐบาลถึงพลิกและปิดประชุมสภาฯ ก็แปลกใจ คาดหวังว่า จะไม่เจอเรื่องเซอร์ไพรส์แบบนี้อีกแล้ว
ส่วนที่มีการตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ที่อยู่ใน MOU 44 ที่อาจทำให้การศึกษา MOU ไม่ราบรื่นนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า MOU 43 และ 44 มีรูปแบบที่แตกต่างกัน 43 ไม่มีการผูกโยงเรื่องสัมปทาน ขณะที่ 44 เป็นตรงกันข้าม มีการผูกโยงบริษัทข้ามชาติ และอาจมีชาติต่าง ๆ อยู่เบื้องหลังอีกจำนวนมาก ก็ต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ถ้าเราไม่ศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้น สภาควรตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้ ส่วนใครจะได้ผลประโยชน์บ้างก็ต้องขอเวลาให้กรรมาธิการได้ศึกษาเพื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุด
อ่านข่าว : "มาริษ" เดินสายแจงปมไทย-กัมพูชา คุยรองข้าหลวงใหญ่ UN สัญญาณบวก
ทบ.ยันมีหลักฐานระเบิด PMN-2 ของใหม่ ไม่ใช่ตกค้าง จี้กัมพูชาหยุดปฏิเสธ
TMAC ซัดกัมพูชาไม่จริงใจ วางทุ่นระเบิดโจมตีทหารไทย รอบ 3 หลังหยุดยิง