ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ชายแดน ตรวจพบ "โดรน" 7 ครั้ง ใน 2 พื้นที่

การเมือง
16:42
344
กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ชายแดน ตรวจพบ "โดรน" 7 ครั้ง ใน 2 พื้นที่
ทภ.2 รายงานสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของทหารฝ่ายกัมพูชา พบโดรน 7 ครั้ง ใน 2 พื้นที่ ขณะที่ กองทัพบก ร่วมหลายหน่วยงานลงพื้นที่ รพ.พนมดงรัก เก็บหลักฐานสะเก็ดระเบิดจากกระสุนปืนใหญ่ พิสูจน์ที่มาและรายละเอียดทางนิติวิทยาศาสตร์

วันนี้ (1 ก.ย.2568) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ เวลา 14.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ สถานการณ์โดยรวม มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของทหารฝ่ายกัมพูชาโดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบ โดรนบริเวณพื้นที่ซำแต - ช่องตาเฒ่า 6 ครั้ง และพื้นที่สัตตะโสม-ภูผี-โดนตวน 1 ครั้ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างใกล้ชิด

กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทย จัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจ ตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว ของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ ตามสถานการณ์
 
การดูแลผู้อพยพ อำนวยความสะดวกประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน 5 ศูนย์ ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี 1 ศูนย์ 78 คน และในพื้นที่ จ.สุรินทร์ 4 ศูนย์ 488 คน ปัจจุบันมียอด 566 คน เนื่องจาก มีความวิตกกังวล ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษา ความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นที่บ้านเรือน ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
 
การดำเนินงานด้านจิตอาสา ศอ.จอส.พระราชทาน จว.ศรีสะเกษ ผวจ.ศรีสะเกษ, นายอำเภอกันทรลักษ์ เยี่ยมให้กำลังใจ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ และติดตามการซ่อมแซมบ้าน พร้อมทั้งให้กำลังใจ ช่างจิตอาสาสร้างบ้าน และ ทีมช่างจิตอาสา, นักศึกษาอาชีวะศึกษา วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์, ผู้นำชุมชน, ประชาชนจิตอาสา และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่กำลังระดมกำลังทำงาน ในการช่วยกันซ่อมบ้านให้กับประชาชนผู้ประสบภัยจากสถานการณ์ และ ศอ.จอส.พระราขทาน จว.อุบลราชธานี รอง ผวจ.อุบลราชธานี

หน่วยงานในพื้นที่, จิตอาสา 904 และจิตอาสาพระราชทาน เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้อพยพชายแดนไทย–กัมพูชา และติดตามเร่งรัดการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ณ อ.เดชอุดม และ อ.น้ำยืน จว.อุบลราชธานี

กองทัพภาคที่ 2 ขอให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารด้วยวิจารณญาณ และติดตามเฉพาะช่องทาง อย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งสามารถตรวจสอบและยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่ไม่เป็น ความจริง

ทบ.ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เก็บหลักฐาน สะเก็ดระเบิด

เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.68) กองทัพบก ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บหลักฐานจากเหตุการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ณ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่โรงพยาบาล เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค. 2568 จำนวน 3 นัด ส่งผลให้อาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอาคารภูมิพัฒน์ และอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนพระครูอาภัสธรรม (หลวงตารอด) ซึ่งเป็นอาคารห้องตรวจครรภ์มารดาก่อนคลอด อันเป็นพื้นที่ให้บริการสำคัญแก่ประชาชนในชุมชน จนต้องอพยพผู้ป่วยไปยังพื้นที่ปลอดภัยเป็นการฉุกเฉิน

เจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองปฏิบัติงานอยู่ที่ห้องตรวจครรภ์มารดาก่อนคลอด ซึ่งปกติจะมีผู้มาใช้บริการหลากหลายกลุ่ม ทั้งมารดาที่ฝากครรภ์วันละ 5–10 ราย (ในวันเกิดเหตุมีเพียง 1 คน) เด็กที่มาฉีดวัคซีน รวมถึงผู้สูงอายุที่มาตรวจสุขภาพ

ในช่วงเกิดเหตุ ได้ยินเสียงระเบิดจากอาคารภูมิพัฒน์ที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นสะเก็ดระเบิดได้พุ่งเข้ามายังห้องตรวจครรภ์ รวมถึงบริเวณที่นั่งของแพทย์ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บในขณะนั้น จึงรีบอพยพหญิงตั้งครรภ์รายดังกล่าวออกมาได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันผู้ป่วยและญาติที่ยังอยู่ภายในอาคารต่างรีบอพยพไปยังหลุมหลบภัยชั่วคราว บางรายเกิดความตื่นตระหนกและวิตกกังวลอย่างหนัก ถึงขั้นเอ่ยสั่งเสียต่อหน้าญาติ เมื่อสถานการณ์สงบลง เจ้าหน้าที่จึงรีบให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทันที

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะสะเก็ดระเบิด เพื่อนำไปตรวจสอบยังห้องปฏิบัติการของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ที่มาและรายละเอียดของการยิงดังกล่าวต่อไป

อ่านข่าว : คืน 7 ถึงเช้ามืด 8 ก.ย.นี้ "จันทรุปราคาเต็มดวง" สังเกตได้ทั่วฟ้าเมืองไทย                            

เปิดนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ “รมว.เกษตรฯ”ถก บอร์ดไข่ไก่วางแผนรักษาเสถียรภาพราคา

เงื่อนไขใช้ "สิทธิบัตรทอง" แบบไหน "ต้อง-ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว"