วันนี้ (2 ก.ย.2568) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บรรยายพิเศษให้เจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ตามหลักสูตรวัคซีนเพื่อชีวิต โดยกล่าวถึงที่มาของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นที่ปราสาทตาเมือนธม ก่อนเกิดเหตุปะทะ 4 คืน 5 วัน ว่า การสู้รบสมัยใหม่ เมื่อเกิดขึ้นแล้วหนักกว่าในอดีต แต่เมื่อทหารไทยยึดพื้นที่มาได้แล้วทหารจะไม่ยอมถอย และไม่รื้อรั้วลวดหนามที่วางไว้ ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงการหยุดยิง แต่ยังมีการวางระเบิดเป็นสูตรเดิมของกัมพูชา
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังย้ำว่า หากเหตุการณ์ไม่ได้หยุดที่ 5 วัน 4 คืน ทางทหารก็จะดำเนินการยึดพื้นที่ที่เป็นอาณาเขตของไทย และกัมพูชารุกล้ำเข้ามา
ส่วนกรณีพื้นที่ปราสาทพระวิหาร จะมีโอกาสการทวงคืนในอนาคตหรือไม่นั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า อยากให้ศาลโลกทบทวน เพราะด้วยกายภาพเป็นของไทย แต่ไม่ทราบว่า ในอดีตเกิดอะไรขึ้น และจนถึงขณะนี้ทั่วโลกก็รับทราบว่าเป็นของกัมพูชา
แนวทางที่สองคือการใช้กำลังเข้าไปยึด แต่เป็นวิธีที่ทั่วโลกไม่ยอมรับ
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังระบุถึงเหตุการณ์ชาวกัมพูชาเข้ามารื้อวางลวดหนามว่า จุดที่เป็นปัญหามีการเผชิญหน้าอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 จึงขึ้นอยู่กับหน่วยในพื้นที่ดำเนินการ ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ก็มีปัญหาลวดหนามที่ตาเมือนธม และช่องอานม้า แต่หากมีใครพยายามมาดำเนินการใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือ ประชาชน ทหารจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้การมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ในเวลา 1 ปี ถือว่าคุ้มค่า และหลังเกษียณก็จะเป็นที่ปรึกษาให้ผู้บัญชาการทหารบก ควบคู่ไปกับการทำงานมวลชน ให้ข้อมูลในเรื่องความมั่นคง โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แม้จะมีคนมาติดต่อไปเล่นการเมือง แต่ไม่ตอบรับ
แม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าหลังเสร็จศึกกัมพูชาครั้งนี้ประเทศจะดีขึ้น และในช่วง 3-4 เดือนนี้ก็ปล่อยให้ กลไกทางการเมืองก็จะดำเนินไปตามกระบวนการ

พร้อมย้ำว่า ต้องปิดตายปราสาทตาเมือนธม หากกัมพูชาจะเข้ามา ต้องใช้เอกสารผ่านแดน ส่วนปราสาทตาควาย เนื่องจากข้อจำกัดของเงื่อนเวลา ทำให้ไม่สามารถยึดได้ทั้งหมด แต่จะทำการประท้วง ขณะนี้จึงต้องรอนำกลับคืนมาในห้วงต่อไป
ทั้งนี้ไม่ทราบแน่ชัดว่า เพราะเหตุใดในอดีตจึงปล่อยให้กัมพูชาเข้ามาท่องเที่ยวจนเกิดการรุกล้ำเข้ามา อาจจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุปะทะขึ้นแล้วในช่วง 4 คืน 5 วัน จึงใช้โอกาสยึดคืน โดยมั่นใจแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่จะทำหน้าที่ต่อเนื่อง เพราะเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 และอยู่ในพื้นที่ยุทธบริเวณอยู่แล้ว
พร้อมกล่าวถึงขั้นตอนการตัดสินใจใช้กำลังว่า เมื่อเกิดเหตุรัฐบาลจะไม่มายุ่ง แต่หากเป้าหมายไหนสุ่มเสี่ยงอย่างมากจะต้องขออนุมัติผู้บัญชาการทหารบก ตามสายการบังคับบัญชา แต่ถ้าไม่ใช่เป้าหมายสุ่มเสี่ยง ระดับแม่ทัพภาคสามารถสั่งการได้ทันที เพราะหากรอขั้นตอนจะไม่ทันเวลา และอาวุธเมื่อจำเป็นต้องใช้งานก็ต้องนำมาใช้ รวมทั้งเครื่องบินรบ ไม่ใช่ไว้โชว์เฉพาะงานวันเด็ก
อ่านข่าว :