จะเป็นคนจากพรรคภูมิใจไทยคนแรกที่ได้เป็นนายกฯ ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด นับแต่เล่นการเมืองมานานร่วม 30 ปี ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยตั้งแต่ปี 2547 รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ก่อนจะได้เป็นสมาชิก “บ้านเลขที่ 111” ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ
แต่การเป็นผู้นำรัฐบาลของนายอนุทิน จะแตกต่างไปจากนายกฯ ที่มาจากการโหวตในสภาฯ คนอื่น ๆ เพราะต้องเป็นตามข้อตกลงหรือ Agreement 5 ข้อ ที่ได้ลงนามร่วมกับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน รวมทั้งร่วมกันผลักดันร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ร่างกฎหมายประชามติ ยุบสภาภายใน 4 เดือน และยังพ่วง ห้ามดำเนินการใด ๆ เพื่อให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
เท่ากับเป็นผู้นำรัฐบาล ที่ถูกขีดเส้นวางกรอบให้เดินตามเงื่อนไข ที่พรรคค่ายสีส้มกำหนดไว้ แบบบิดพลิ้วไม่ได้ ไม่ต่างจากการตกอยู่ในกรงเหล็ก ที่ถูกออกแบบเอาไว้ ออกไปนอกกรงไม่ได้ เป็นเสมือนรัฐบาลเฉพาะกิจ ที่มีภารกิจสำคัญเพื่อยุบสภา และเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง สส.เท่านั้น
ท่ามกลางคำถามสำคัญว่า ข้อตกลง 5 ข้อดังกล่าว จะมีอะไรเป็นตัวชี้วัด ไม่ว่าจะเรื่องผลักดันร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพราะด่านหินสำคัญคือ แก้ไข ม.256 ที่ต้องอาศัยเสียง สว.และใช้เวลา จึงจะเปิดช่องทางได้ ขณะที่จุดยืนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ 2 พรรคก็ต่างกันชัดเจน โดยเฉพาะหมวด 1 และหมวด 2 ว่าด้วยสถาบัน
ไม่ต่างจากเรื่องแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะต้องบรรลุถึงจุดไหน จึงจะถือว่าเข้าข่ายร่วมกันแก้ปัญหาแล้ว เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งฝ่ายกัมพูชาไม่ทำตามสัญญาหยุดยิง แถมยังลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารไม่หยุด มีการยั่วยุทุกวิถีทางตลอดเวลา ยังไม่นับเรื่องทหารไทยที่ถูกด้อยค่า จนรัฐบาลขาดความศรัทธาเชื่อมั่นจากประชาชน
จึงต้องดูจากหลายปัจจัย รวมทั้งพรรคใดจะได้ดูแลด้านความมั่นคง และกลาโหม ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ก็มีฐานเสียงสำคัญในพื้นที่อีสานใต้ อย่างจังหวัดติดชายแดนกัมพูชา จะต้องดำเนินการให้เกิดมรรคผลสำหรับประชาชนในพื้นที่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ต้องเปิดเกมรุกทางการเมือง แย่งชิงคะแนนเสียงกับพรรคเพื่อไทย ที่ครองเสียงข้างมากแทบในทุกพื้นที่ ยกเว้น จ.บุรีรัมย์ ฐานไข่แดงพรรคภูมิใจไทย
แม้หลังจาก 4 เดือนที่ต้องยุบสภา พรรคภูมิใจไทยจะยังทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการต่อไป ระหว่างหาเสียง และการเลือกตั้ง จนกว่า กกต.จะประกาศรับรองผล ซึ่งต้องใช้เวลารวมกัน ไม่น้อยกว่า 3-4 เดือน แต่อำนาจจะมีจำกัด ไม่ว่าเรื่องการใช้งบประมาณ หรือแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จะต้องขอความเห็นชอบจาก กกต.
จึงจะเป็นแรงกดดันต่อพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ไม่เพียงต้องสร้างผลงานที่โดดเด่นกว่าสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ต้องพยายามเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในกลุ่มพรรคอนุรักษ์นิยมด้วยกัน และยังต้องสู้กับคู่แข่งอย่างพรรคประชาชน ซึ่งมีแนวโน้มจากผลสำรวจโพลสำนักต่าง ๆ แล้ว จะแรงกว่าเลือกตั้งปี 2566 ถึงขั้นแลนด์สไลด์ของจริงได้
ขณะเดียวกัน ยังต้องพะวง คอยระมัดระวังในเรื่องที่ต้องถูกจับตามองเป็นพิเศษ ในเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยถูกมองว่าเป็นจำเลยสังคม หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
ตั้งแต่เรื่องคดีฮั้วเลือก สว. เรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ถึงขณะนี้ ยังไม่มีประกาศเพิกถอนเอกสารสิทธิ์จากอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ และอาจรวมถึงรีสอร์ตและสนามกอล์ฟที่เขาใหญ่ ของนายอนุทิน ที่เคยเปิดต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งความสัมพันธ์ยังหวานชื่น
ล้วนเป็นเรื่องที่จะประดังประเดเข้ามา ในจังหวะที่เป็นรัฐบาลภายใต้ข้อจำกัดมากมาย เสมือน”นายกฯในกรงเหล็ก”ที่ถูกล็อคคอ ไม่ให้ขยับออกมานอกกรง
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "ภูมิธรรม" เผยไม่ก้าวล่วงพระราชอำนาจ เสนอซ้ำ ร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภา หลังถูกตีกลับ
"ภูมิธรรม" โพสต์ 2 ฉบับ ย้ำ "ยุบสภาฯ" หวังคืนอำนาจให้ประชาชนเร็วที่สุด
"อนุทิน" มั่นใจ "ประชาชน" ไม่เปลี่ยนใจ หลัง "เพื่อไทย" เสนอดีลใหม่