วันนี้ (5 ก.ย.2568) วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้นัดในเวลา 09.00 น. เป็นการประชุมสภาพิเศษ ซึ่งจากข้อตกลงวิป 2 ฝ่าย ที่ประชุมสภาจะพิจารณาร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่ค้างจากครั้งก่อน คือร่างพระราชบัญญัติรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ หรือ ที่เรียกว่าร่างกฎหมาย PRTR ที่เมื่อวันพุธที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ประธานในที่ประชุมชิงปิดไปก่อนที่จะมีการโหวตวาระแรกและตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา วิปจึงตกลงกันว่าในวันนี้จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้ก่อนถึงจะเข้าสู่วาระการโหวตนายกรัฐมนตรี
จากนั้นคาดว่าไม่เกินเวลา 10.00 น.มีรายงานว่าพรรคภูมิใจไทย จะเสนอญัตติ ให้เลื่อนวาระเรื่องด่วนที่ 8 การให้ความเห็นชอบบุคคลสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งหากเสียงส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพรรคประชาชนเห็นด้วย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่จะเลื่อนขึ้นมา แต่คาดว่าการเลื่อนก็อาจจะไม่ง่ายหากพรรคเพื่อไทยเตะถ่วง
และหากสามารถเข้าสู่วาระการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ได้ ตามขั้นตอนและเงื่อนไขของกฎหมายพรรคที่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้จะต้องมี สส. 25 คนขึ้นไป ในการเสนอชื่อจะต้องมี สส.ผู้รับรอง ไม่น้อยกว่า 10 คน จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการโหวตลงมติโดยเปิดเผย หรือการขานชื่อทีละคน ซึ่งเลขาธิการสภาจะเป็นผู้อ่านชื่อสมาชิกที่เรียงตามตัวอักษรและสมาชิกจะเอ่ยชื่อบุคคลที่ให้ความเห็นชอบ และบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรีต้อง ได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือ 247 คนขึ้นไป
ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรยืนยันแล้วจะไม่มีการแสดงวิสัยทัศน์ แต่อาจจะมีการอภิปรายของสมาชิก เบื้องต้นมีข้อมูลว่าพรรคเพื่อไทยจะหยิบยกเรื่องคุณสมบัติและปัญหาในข้อกฎหมายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เรื่องคดีฮั้ว สว. กับที่ดินเขากระโดงมาอภิปรายในสภา
สำหรับเสียงในสภาสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้มีจำนวน 492 คน หากจะแบ่งเป็นกลุ่มจะเห็นได้ว่าขณะนี้มี 3 กลุ่มเห็นได้ชัด คือ 1 กลุ่มจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียงสนับสนุนมากกว่า 146 เสียง ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 68 คน , พรรคกล้าธรรม 31 คน , พรรคพลังประชารัฐ 17 คน , พรรครวมไทยสร้างชาติ 16 คน , พรรคเพื่อไทย 8 คน , พรรคไทยสร้างไทย 3 คน , พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน
หากรวมกับกลุ่มที่สอง กลุ่มของพรรคประชาชน ที่ใช้เสียง สส. โหวตหนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคประชาชนยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จำนวน สส. 143 คน
ส่วนกลุ่มที่สามคือกลุ่มพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงอยู่ในมือราว 200 เสียง จาก สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, ประชาชาติ, ชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็ก แต่ยังคงหวัง ที่จะได้เสียงสนับสนุนจากคนในพรรคประชาชน หลังยื่นข้อเสนอหากเลือกนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะยุบสภาทันทีหลังแถลงนโยบาย
แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ยากที่พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงจากพรรคประชาชน ด้วยเป็นมติของพรรคและมี MOA และพรรคประชาชน คาดว่าไม่ต้องการให้การโหวตนายกรัฐมนตรีมีปัญหาจนไม่สามารถเลือกบัญชีนายกจากพรรคการเมืองใดได้ในวันนี้ เพราะนั่นจะนำมาสู่ที่มาของนายกฯ คนนอกซึ่งพรรคประชาชนกังวลที่สุดหากเป็นเช่นนั้น
อ่านข่าว :
"ณัฐพงษ์" ยืนยันไม่ทบทวนมติ โหวต "อนุทิน" เป็นนายกฯ มอง "เพื่อไทย" ไม่จริงใจ
"ชัยเกษม" อัดคลิป ให้คำสัญญาเสนอตัวเป็นนายกฯ เพื่อยุบสภาทันที