ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เพื่อไทยร้องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้น สส.ปม MOA

การเมือง
08:22
1,778
เพื่อไทยร้องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้น สส.ปม MOA
สส.เพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึง ปธ.สภาฯ ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้น สส. อ้างทำ MOA โหวตนายกฯ เสียงข้างน้อยขัด รธน. ม.101(3) ม.185 (1)(2)

วันนี้ (7 ก.ย.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เข้าชื่อยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องเรียนถึงศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพ สส.นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส. พรรคภูมิใจไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. พรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(3) ประกอบกับมาตรา 185 (1)(2) หรือไม่

ทั้งนี้ อ้างอิงถึงข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย หรือ MOA กรณีการเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และอ้างถึงข้อเท็จจริงปรากฏว่าพรรคภูมิใจไทยได้รวบรวมเสียง สส.จากพรรคการเมืองอื่นได้ไม่เกิน 146 เสียงจาก สส. ที่มีอยู่ปัจจุบัน 492 คน เมื่อไม่สามารถหาเสียงในจำนวนที่มากกว่ากึ่งหนึ่งได้ จึงทำข้อตกลงร่วมกับพรรคประชาชน โดยตกลงกันว่า สส.พรรคประชาชนจะให้ความเห็นชอบนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่พรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยตกลงร่วมกัน

ตามคำร้องเห็นว่านายอนุทิน และนายณัฐพงษ์ กระทำการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง อาทิ การใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่เห็นว่าตามบทบัญญัติของกฎหมาย สส.สว. ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์

แต่การทำข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว และกำหนดเงื่อนไขของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ต้องปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่พรรคประชาชนกำหนด ถือว่าเป็นการที่ สส. ของพรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่โดยอยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือครอบงำของพรรคประชาชนเพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชน โดยไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ

เมื่อพิจารณาเงื่อนไข MOA มีการกำหนดให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ทั้งที่ระยะเวลาของสภาครบในเดือน พ.ค.2570 และยังมีการกำหนดห้ามไม่ให้พรรคภูมิใจไทยดำเนินวิธีการใด ๆ เพื่อทำให้เป็น รัฐบาลเสียงข้างมาก ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะโดยปกติแล้วรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินต้องมีเสียงข้างมากจากสภา เพื่อสร้างความมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน

นอกจากนี้ ยังอ้างว่าการกระทำของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนมีลักษณะเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกันให้นายอนุทินได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี อันเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 มาตรา 46 การกระทำดังกล่าวถือว่าพรรคภูมิใจไทยยินยอมหรือกระทำการอันทำให้พรรคประชาชนเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคภูมิใจไทย ทำให้ขาดความเป็นอิสระ

ขณะที่พรรคประชาชนกระทำการควบคุมหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคภูมิใจไทย และ สส.ของพรรคภูมิใจไทย ทำให้พรรคและ สส.พรรคภูมิใจไทย ขาดความเป็นอิสระอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 และ 29 ของกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งการกระทำของทั้ง2 พรรคเป็นการกระทำอันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่กฎหมายบัญญัติไว้อันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1)(2)(3)

และยังเห็นว่าการกระทำของพรรคประชาชนใช้สถานะ สส. อันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ผู้อื่น หรือของพรรคประชาชนในการปฏิบัติราชการของ ครม. และหน่วยงานของรัฐ ที่ต้องทำตามเงื่อนไขของพรรคประชาชน และต้องใช้ในการดำเนินการ เช่น การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ การออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

อ่านข่าว : เปิดตัว "อรรถพล-เอกนิติ-สีหศักดิ์" ร่วม "ครม.อนุทิน 1" 

"อนุทิน" เผยโผ ครม. 100% แล้ว - ทำงานทันทีหลังถวายสัตย์ปฏิญาณ 

"ธรรมนัส" ปัดแย่งเก้าอี้ "กลาโหม" กับ "พล.อ.ประวิตร"