ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"คุณมีคุณค่าเสมอ" อย่าให้การตีตราบั่นทอนโอกาสฟื้นฟูจิตใจ

สังคม
19:49
68
"คุณมีคุณค่าเสมอ" อย่าให้การตีตราบั่นทอนโอกาสฟื้นฟูจิตใจ
การดูแลสุขภาพใจคือเรื่องปกติ ไม่ต่างจากการดูแลสุขภาพกาย การกล้าเผชิญหน้ากับความเปราะบางคือจุดเริ่มต้นของการเยียวยาที่แท้จริง และเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณและคนรอบข้างมีชีวิตที่ดีขึ้น อย่าให้อคติสังคมมาปิดกั้นโอกาสแห่งการฟื้นฟู

หลายคนยังคงเชื่อว่า ปัญหาด้านจิตใจ ตั้งแต่ความเครียด การปรับตัวไม่ได้ ไปจนถึงอาการเจ็บป่วยทางจิตเวช คือการเป็น "คนบ้า" หรือเป็นสัญญาณของความอ่อนแอ เอกสารวิชาการ Mental Health Stigma in Thai Society: CulturalBarriers and Psychological Implications โดย อ.สิรินดา สายลุน และ ผศ.ดร.ประภาส แก้วเกตุพงษ์ ระบุว่า สิ่งเหล่านี้หยั่งรากลึกในสังคมไทย โดยมักเชื่อมโยงกับ ความเชื่อทางวัฒนธรรม ประเพณี และคำสอนทางศาสนาพุทธ ที่บางครั้งมองว่าความเจ็บป่วยทางจิตเกิดจากผลของกรรมหรือความไม่สมดุลทางจิตวิญญาณ ในอดีต ปัญหาเหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นเรื่องของปัจจัยทางจิตวิญญาณหรือเหนือธรรมชาติ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างกว้างขวาง การขาดความรู้และความเข้าใจนี้เอง ที่ก่อให้เกิดอคติและความรังเกียจ

นอกจากนี้ บรรทัดฐานทางสังคมที่เน้นความกลมเกลียวปรองดองและความสำคัญของชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ยังทำให้การแสดงออกถึงความเปราะบางทางอารมณ์ถูกมองว่าเป็นความอ่อนแอ ไม่ใช่ปัญหาที่ชอบธรรม ความกลัวต่อการถูกตัดสินจากสังคมทำให้หลายคนลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ

"ความอาย" นำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยวและความกลัวการถูกตัดสิน ซึ่งยิ่งทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาล่าช้าและทำให้อาการแย่ลง "การตีตรา" อาจแสดงออกด้วยการเลือกปฏิบัติโดยตรง เช่น คำพูดเชิงลบ หรือการเลือกปฏิบัติทางอ้อม เช่น การหลีกเลี่ยงหรือการสันนิษฐานว่าบุคคลนั้นไม่มั่นคงหรืออันตราย

ความอายที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงคนในครอบครัวด้วย ครอบครัวอาจมีความกังวลเกี่ยวกับการถูกมองจากสังคม หรือกังวลว่าผู้ป่วยจะสร้างความเดือดร้อน ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวหรือแม้กระทั่งผลักไสผู้ป่วยออกจากบ้าน ซึ่งยิ่งบั่นทอนความภาคภูมิใจและนำไปสู่ความรู้สึกไร้ค่าของผู้ป่วย ผลกระทบเหล่านี้บั่นทอนความภาคภูมิใจในตนเอง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ และในกรณีร้ายแรง อาจนำไปสู่ความรู้สึกถูกทอดทิ้ง การแยกตัวออกจากสังคม และความโกรธ

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ป่วยใจ = ป่วยกาย ไปหาหมอได้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย

สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ การเจ็บป่วยทางใจก็เหมือนการเจ็บป่วยทางกาย ไม่ใช่เรื่องน่าอาย การเจ็บป่วยทางจิตไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอส่วนบุคคล แต่เป็นภาวะทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการดูแล ในประเทศไอร์แลนด์ มีกฎหมาย The Employment Equality Acts ที่ขยายนิยามของความทุพพลภาพให้ครอบคลุมถึงปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความเครียด และความวิตกกังวล เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่มีภาวะเหล่านี้จะได้รับการจัดหาที่พักที่เหมาะสมในที่ทำงาน

นี่เป็นตัวอย่างที่ยืนยันว่าปัญหาสุขภาพจิต สุขภาพใจ คือประเด็นทางสุขภาพที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ ไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนบุคคล 

สถาบันพระบรมราชชนก กล่าวถึงปัญหาของผู้ป่วยทางใจส่วนใหญ่คือ การไม่ยอมรักษา อาจเป็นเพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาการที่แท้จริง หรือ ไม่มีช่องทางในการเข้าถึงจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจหยุดยาเองเมื่ออาการดีขึ้นหรือประสบกับผลข้างเคียงจากยา โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เป็นสาเหตุสำคัญของการกลับมาเป็นซ้ำและทำให้อาการแย่ลงได้ การขาดความตระหนักในการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องและการไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำหรือมีอาการกำเริบ

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ถึงเวลาแล้วนะ ที่ต้องดูแลใจอย่างจริงจัง

การดูแลสุขภาพจิตควรเป็นเรื่องปกติเหมือนการดูแลร่างกาย การตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา เป็นการแสดงถึงความกล้าหาญและความเข้มแข็ง การรักษา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การให้คำปรึกษา หรือจิตบำบัด มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูสมดุลทางจิตใจ แก้ไขปัญหาที่ซ่อนอยู่ และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตและปฏิสัมพันธ์กับสังคมได้ดีขึ้น การรักษาทันท่วงทีช่วยป้องกันอาการที่รุนแรงขึ้น และลดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ การทำงาน และชุมชน

การลดการตีตราว่าคนป่วยทางใจเป็นคนบ้าหรือคนไม่ปกติ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การให้ความรู้ผ่านการศึกษาในโรงเรียนและกิจกรรมชุมชน การส่งเสริมการพูดคุยอย่างเปิดเผย และการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม จะช่วยสร้างความเข้าใจและลดอคติได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจ และสนับสนุนให้ผู้ป่วยเผชิญหน้ากับการตีตราด้วยความมั่นใจ การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนและการคิดเชิงบวกยังช่วยเสริมพลังให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าและพร้อมฟื้นตัว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะเปลี่ยนมุมมองต่อสุขภาพจิต การยอมรับและขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นก้าวแรกสู่การมีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากชุมชนและการเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสม ทุกคนสามารถเผชิญความท้าทายทางจิตใจได้อย่างมั่นใจและมีพลัง

แหล่งที่มาข้อมูล : iStrong Mental HealthสถาบันพระบรมราชชนกMental Health Stigma in Thai Society: Cultural Barriers and Psychological ImplicationsThe Equality Authority

อ่านข่าวอื่น :

เปิด 3 แนวทางคำสั่งของศาลฎีกาฯ คดี "ทักษิณ" ชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย.นี้

ศาลฎีกายกคำร้อง "ชาญชัย" ขอห้าม "ทักษิณ" ออกนอกประเทศ