พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ “บิ๊กเล็ก” เป็น “รัฐมนตรี” เพียงคนเดียวในรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ได้ไปต่อกับ รัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” และขยับชั้นจาก “รมช.กลาโหม” เป็นว่าที่ รมว.กลาโหม คนใหม่ ผ่านการทาบทามของ นายกฯหนู “อนุทิน” โดยตรง ไม่เปลี่ยน “ม้ากลางศึก” เพื่อแก้สถานการณ์วิกฤตขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ
ก่อนหน้านี้ มีหลายรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในโผ ครม.คนนอก ที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้สนามไชย 1 ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม อดีตเลขา สมช. และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม
ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดตามเงื่อนไข MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทย-พรรคประ ชาชน “ยุบสภา”ภายใน 4 เดือน หากมีการเปลี่ยนขุนศึกนำทัพ ท่ามกลาง“ภัยสู้รบ” ไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อน ไขเจรจา ”หยุดยิง” การให้ “บิ๊กเล็ก” พล.ณัฐพล ปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่อง ช่วง “หน้าสิ่วหน้าขวาน” จึงเป็น “ทางเลือก” ที่เหมาะสมของกองทัพ และเป็น “ตัวเลือก” ที่ลงตัวของบรรดา “ลุง ๆ” ที่เป็นกองหนุนอยู่เบื้องหลัง
ถือเป็น 1 ใน 5 โควตาคนนอก ที่ทำงานต่อเนื่อง โดยวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย. 2568) “บิ๊กเล็ก” พล.อ ณัฐพล ต้องเข้าประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Commit tee : GBC) ไทย-กัมพูชา ที่เกาะกง กัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการหารือ ในหลายประเด็นสำคัญ ทั้งเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เขตแดนชัดเจน หรือพื้นที่อ้างสิทธิ์ หลังจากที่ผ่านมามีทหารไทยเหยียบกับระเบิด 6 ครั้ง
การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซนเตอร์ รวมทั้งการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนตะวันออกพื้นที่รับผิดชอบของกอง ทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ที่ “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว ที่ไทยให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาใช้พื้นที่ แม้สงครามจบแล้ว แต่คนเขมรไม่กลับประเทศ และยังขยายชุมชนปลูกบ้านรุกล้ำแผ่นดินไทยถึง 170 หลัง
นอกจากทำหน้าที่ในฐานะ รมช.กลาโหม ตั้งแต่ครั้งรัฐบาลเพื่อไทย “เศรษฐา-แพทองธาร” ยังเป็น ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในสถานการณ์ชายแดนไทย และมีหน้าที่ขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคง
พล.อ ณัฐพล เคยรับราชการทหารเป็นผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ต่อมาเป็นอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก อาจารย์วิทยาลัยการทัพบก
ขยับเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ในปี พ.ศ. 2558 เป็นรองเสนาธิการทหารบก พ.ศ. 2559 และหัวหน้าส่วนอำนวยการ สำนักงานเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ. 2559
เป็นเสนาธิการทหารบกในปีต่อมา และเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พ.ศ. 2561 - 2563 ก่อนจะจึงโอนย้ายมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พ.ศ. 2563
ต่อมาได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด 2019 และภายหลังเกษียณอายุราชการ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
การเข้ามาเป็น รมช.กลาโหม เมื่อปี 2566 ของ “บิ๊กเล็ก”พล.อ.ณัฐพล เป็นไปตามโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลัง “ลุงตู่” พล.อ. ประยุทธ์ ประกาศเลิกเล่นการเมือง และลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ
แต่ พล.อ.ณัฐพล “บิ๊กเล็ก” ในวัย 64 ปี เคยเล่าว่า เป็นรัฐมนตรี “ข้าวนอกนา” ของพรรค รทสช. ไม่เคยเข้าร่วมประชุมพรรคฯ และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ตั้งแต่เกษียณอายุราชการ ก็ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเดียว และไม่ว่าจะได้ทำงานต่อไปหรือต้องหยุดทำงาน ก็พร้อมรับ หากได้พักก็ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
และในครั้งนี้ ก็เช่นกัน พล.อ. ณัฐพล กล่าว หลังจากถูกทาบทามให้เป็น รมว.กลาโหม เพียงสั้นๆ ว่า พร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจบภารกิจ หรือปฏิบัติหน้าที่ต่อ…และเป็นการมาในลักษณะคนนอก
การขยับให้ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล เป็นรมว.กลาโหม หลังจากกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงของประเทศ ในฐานะ รมช. ห้วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ปะทะไทย-กัมพูชาจนทำให้กองทัพไทย สามารถยึดคืนพื้นที่ 11 จุด เขตแนวรบพระวิหาร แม้จะไม่ครบสมบูรณ์บางพื้นที่ เช่น บริเวณปราสาทตาควาย
หากนโยบายความมั่นคงของประเทศมีเสถียรภาพ กองทัพนิ่ง ไม่หวั่นไหวตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่แกว่งไป-มา การไม่เปลี่ยนม้า "กลางศึก" และไม่เปลี่ยนขุนศึก "กลางสงคราม" จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของรัฐบาล ก่อนจะเตรียมตัว นับถอยหลังกลับสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้ง
อ่านข่าว : จองกฐิน “อนุทิน” ฝ่าคลื่นลม “เดอะแบก” รัฐบาลเสียงข้างน้อย
ชนะทุกแนวรบ “อนุทิน” นั่งนายกฯคนที่ 32 “กลยุทธ์” ค่ายสีน้ำเงิน
เปิดคำสั่งศาลฯ "ฉบับเต็ม" บังคับโทษ "ทักษิณ" คดีชั้น 14 ให้นำตัวกลับเข้าเรือนจำ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: