"การตัดสินใจกลับประเทศ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของคุณทักษิณ เป็นการกลับมาเพื่อ “ชำระล้างทางการเมือง” เป็นความพยายามพลิกสถานการณ์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่ย่ำแย่ และกำลังสูญเสียทุกอย่าง ให้กลับมาเป็นที่ยอมรับ และลดความเสียเปรียบทางการเมืองลง” นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ แสดงความคิดเห็น
พร้อมย้อนมองประวัติศาสตร์ความขัดแย้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปฐมบทความรุนแรง ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2547 สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ก่อนจะมีการใช้มาตรการปราบปรามตอบโต้กลับอย่างรุนแรง จนเร่งเร้า ทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ทั้งเหตุการณ์ปะทะที่มัสยิดกรือแซะ หรือ เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ในปี 2547
การเริ่มต้นของกระบวนการพูดคุยสันติสุข ในปี 2556 ก็เกิดขึ้นในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนที่กระบวนการสันติภาพที่สร้างขึ้นมา กลับหยุดชะงักยาวนานที่สุด ในสมัยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จึงอาจเรียกได้ว่า นายทักษิณคือจุดหักเห ของประวัติศาสตร์ความขัดแย้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
คุณทักษิณ คือจุดหักเหของประวัติศาสตร์ปัญหาความไม่สงบ สถานการณ์มีการแกว่งกลับไปกลับมาในทุกช่วงของการเมืองที่มีคุณทักษิณเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง กว่า 20 ปีที่ผ่านมานี้ จึงมีแต่ร่องรอยลายนิ้วมือของคุณทักษิณ ในประวัติศาสตร์ไฟใต้
แม้จะมีการทิ้งช่วงมานานของการพูดคุยสันติสุข จนทำให้ทุกอย่างเหมือนเป็นสุญญากาศทางนโยบายของภาคใต้ และการไม่เสนอปรับยุทธศาสตร์ต่อปัญหาชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
แต่ในมุมมองของ นายศรีสมภพ ยังมีความหวังว่า รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย จะเห็นความชัดเจนมากกว่านี้ ซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม หรือ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี สส.ในพื้นที่ ได้ทำกิจกรรมรุกทางการเมืองในพื้นที่
และการขยับนโยบายเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของรัฐบาลชุดนี้หากทำได้ชัดเจน ในห้วงระยะเวลา 4 เดือน หรือกรอบระยะเวลาในการบริหารที่อาจขยับไปได้ ก็อาจจะทำให้ได้เปรียบทางการเมืองมากขึ้น
ข้อเรียกร้องที่คนในพื้นที่อยากเห็นมาโดยตลอด โดยเฉพาะกับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง คือ เจตนารมณ์ทางการเมืองที่ชัดเจน เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพ ไม่ปล่อยให้ขาดๆเกินๆ ขยับแล้วหยุด รัฐต้องสร้างกลไกกลางให้รองรับการพูดคุย พร้อม ๆ กับการพัฒนาที่ต้องหนุนเสริมกัน โดยเฉพาะการผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ
พร้อมระบุว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตามองต่อการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ คือ การเปลี่ยนตัวข้ามห้วยของ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ คือ พล.ต.นราธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 อาจทำให้ กอ.รมน.ภาค 4 ที่รวมศูนย์ ทั้งโครงสร้างอำนาจ งบประมาณ และแผนงาน อาจมีการปรับเปลี่ยนภายใน ซึ่งต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
เรียบเรียง : ติชิลา พุทธสาระพันธ์ หัวหน้าศูนย์ข่าวภาคใต้ ไทยพีบีเอส
อ่านข่าว : "ปณิธาน" มองไทยเปลี่ยนรัฐบาล ช่วยบรรยากาศพูดคุยเวที GBC ดีขึ้น
กกต.ชงศาลฎีกาฟัน 7 ผู้สมัคร สว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ด