เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2001 สหรัฐอเมริกาได้เผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เมื่อกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ได้ก่อวินาศกรรมครั้งร้ายแรง โดยใช้เครื่องบินโดยสารที่ถูกจี้พุ่งชนเป้าหมายสำคัญหลายแห่งทั่วประเทศ
การโจมตีเริ่มต้นขึ้น เมื่อเครื่องบิน 2 ลำพุ่งชนอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์ก ทำให้ตึกระฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์พังทลายลงในที่สุด อีก 1 ลำพุ่งชนอาคารเพนตากอน ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนเครื่องบินลำที่ 4 ซึ่งเชื่อว่ามีเป้าหมายที่อาคารรัฐสภาหรือทำเนียบขาว ได้ตกในทุ่งนาที่รัฐเพนซิลเวเนีย หลังผู้โดยสารและลูกเรือพยายามต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย
เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 3,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 10,000 คน
หลังจากการโจมตี มหานครนิวยอร์กต้องเผชิญกับภารกิจเก็บกวาดซากปรักหักพังมหาศาลกว่า 1,800,000 ตัน ซึ่งใช้เวลาทำงานของบุคลากรรวมกันกว่า 3,100,000 ชั่วโมง และมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การทำความสะอาดพื้นที่นี้ใช้เวลานานกว่า 1 ปีครึ่ง กว่าจะแล้วเสร็จ

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตในภายหลัง จากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานกู้ภัย เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ มะเร็ง และปัญหาสุขภาพจิต เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสังคมอเมริกันและทั่วโลก ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และจิตใจของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กกว่า 3,051 คนที่ต้องกำพร้าบิดามารดาในเหตุการณ์ครั้งนี้
การโจมตีนี้มีค่าใช้จ่ายเพียง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในการดำเนินการ แต่สหรัฐฯ สูญเสียกว่า 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังการถล่ม
10 เรื่องราวที่โลกไม่ลืมเกี่ยวกับ 9/11
1.ชนเผ่ามาไซจากเคนยา ส่งมอบ "ชีวิต" ให้สหรัฐฯ หลัง 9/11
หลังเหตุการณ์ 9/11 ที่สร้างความบอบช้ำให้กับสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก ชนเผ่ามาไซในเคนยาได้แสดงออกถึงการสนับสนุนด้วยการบริจาคโค 14 ตัวให้กับสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำหรับชาวมาไซ โคมีความหมายถึง "ชีวิต" การกระทำนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจและการให้เกียรติสูงสุดจากวัฒนธรรมที่ห่างไกลออกไป แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความสามัคคีของมนุษยชาติในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
2.ปฏิบัติการ "เรือกู้ชีพ" 9/11 การอพยพทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เมื่อระบบขนส่งทางบกทั้งหมดในนิวยอร์กถูกปิดตาย และประชาชนกว่า 500,000 คนติดอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน เจ้าของเรือทุกประเภทในพื้นที่ได้ร่วมกันดำเนินภารกิจ "9/11 Boatlift" เพื่อขนส่งผู้คนออกจากเกาะอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ เป็นการอพยพทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีมา ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจและความสามัคคีของผู้คนในยามวิกฤต
3."จอห์น เพอร์รี" ตำรวจเกษียณอายุราชการ ผู้สละชีพในวันสุดท้ายของการทำงาน
ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ "จอห์น เพอร์รี" กำลังยื่นเอกสารเกษียณอายุราชการที่สำนักงานตำรวจพอดี เมื่อได้รับแจ้งข่าวเครื่องบินลำแรกชนตึก เจ้าหน้าที่เพอร์รี ไม่ได้เลือกที่จะเดินทางกลับบ้านในวันสุดท้ายของการทำงาน แต่กลับรีบมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือผู้คน โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นเมื่อตึก 1 ถล่มลงมาและเขาเสียชีวิตในหน้าที่ เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่นอกเวลาราชการเพียงคนเดียวที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 9/11 นี้
4.คำแนะนำที่ผิดพลาด โศกนาฏกรรมตึกใต้ของ WTC
หลังจากเครื่องบินลำแรกพุ่งชนตึก 1 ของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ผู้คนในตึก 2 ต่างต้องการอพยพออกจากอาคารเพื่อความปลอดภัย แต่กลับได้รับคำแนะนำผ่านการประกาศว่า "ให้ทุกคนอยู่ประจำที่ทำงาน" และมีบางคนที่พยายามจะออกไปก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันไว้ไม่ให้ออกจากทางออก จากคำแนะนำที่ผิดพลาดนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,120 คนจากตึก 2 เมื่อตึกพังทลายลงมา
5.สุนัขกู้ภัย 9/11 กับภาวะ "เครียด" จากการไม่พบผู้รอดชีวิต
ในช่วงปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยหลังเหตุการณ์ 9/11 สุนัขกู้ภัยจำนวนมากประสบกับภาวะความเครียดอย่างรุนแรง เนื่องจากพวกมันพบผู้รอดชีวิตน้อยมาก พวกมันเชื่อว่าตัวเองล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยชีวิตคน ทำให้กำลังใจตกต่ำลงอย่างมาก เพื่อรักษาสุขภาพจิตและกำลังใจของสุนัขเหล่านี้ ผู้ดูแลและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องแอบไปซ่อนตัวอยู่ในซากปรักหักพังเป็นประจำ เพื่อให้สุนัขสามารถ "ค้นหาเจอ" ได้สำเร็จ

6.การประชุมที่ถูกเลื่อนไป " 1 คืน" ก่อนวันเกิดเหตุ
เป็นเรื่องราวที่น่าประหลาดใจ เมื่อบริษัทเจ้าของอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ได้กำหนดการประชุมในวันที่ 11 ก.ย. ที่ชั้น 88 ของตึก 1 เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการรับมือในกรณีที่เกิดการโจมตีของผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม การประชุมนี้กลับถูกเลื่อนออกไปในคืนก่อนวันเกิดเหตุ เพียงเพราะมีผู้เข้าร่วมคนหนึ่งไม่สามารถมาได้ หากการประชุมนี้ไม่ได้ถูกเลื่อนออกไป ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมากอาจต้องเผชิญหน้ากับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยตรง
7.ทาเนีย เฮด ผู้รอดชีวิต 9/11 จอมลวงโลก
หลังจากเหตุการณ์ 9/11 "ทาเนีย เฮด" กลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้รอดชีวิตจากตึก 2 ของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เธอเล่าเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอ และได้ก้าวขึ้นเป็นประธานของเครือข่ายผู้รอดชีวิตจาก WTC ทว่าในที่สุดเรื่องราวของเธอก็ถูกเปิดโปงว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก เธอไม่ได้อยู่ในตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เลยในวันเกิดเหตุ และไม่ได้อยู่ในสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำ การหลอกลวงครั้งนี้สร้างความตกตะลึงและผิดหวังแก่ผู้ที่เคยเชื่อมั่นในเธอเป็นอย่างมาก
8.ความเครียดของวาฬลดลงหลัง 9/11
ในช่วงเวลาที่โลกกำลังจดจ่ออยู่กับผลกระทบทางสังคมของ 9/11 นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังเฝ้าติดตามระดับความเครียดของวาฬโดยการวิเคราะห์มูล ได้ค้นพบผลกระทบที่ไม่คาดคิด โดยพบว่าระดับความเครียดของวาฬลดลงอย่างรวดเร็วทันทีหลังจากการโจมตี 9/11 ซึ่งเป็นผลมาจากการจราจรทางเรือทั้งหมดถูกระงับ ทำให้มหาสมุทรเงียบสงบลงจากเสียงรบกวนความถี่ต่ำที่วาฬใช้ในการสื่อสาร
9.สุนัขนำทาง "โรสเซลล์" ฮีโร่ผู้พา 30 ชีวิตออกจากตึก WTC
ท่ามกลางความโกลาหล ควัน และเสียงอันหนวกหู สุนัขนำทาง "โรสเซลล์" ได้นำเจ้าของของมันและผู้คนอีก 30 ชีวิตลงจากตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถึง 1,463 ขั้น ด้วยความสงบ ระหว่างทาง พวกมันได้ผ่านกลุ่มนักผจญเพลิงที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นไปข้างบน โรสเซลล์หยุดเพื่อทักทายพวกเขา ก่อนที่จะพาผู้รอดชีวิตทั้งหมดไปถึงที่ปลอดภัย เมื่อออกมาได้แล้ว มันยังให้ความช่วยเหลือผู้หญิงที่ตาบอดจากเศษซากปรักหักพังอีกด้วย เรื่องราวของโรสเซลล์เป็นสัญลักษณ์ของความภักดีและความกล้าหาญที่น่าประทับใจ เช่นเดียวกับสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์อีกตัวชื่อ ซอลตี้ (Salty) ที่ช่วยเจ้าของและคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน
10.เครื่องบินลำเดียวที่ได้รับอนุญาตให้บินบนน่านฟ้าสหรัฐฯ ในวัน 9/11
ในวันแห่งความโกลาหล หน่วยงาน FAA ได้ออกคำสั่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนคือ การให้เครื่องบินกว่า 4,000 ลำทั่วประเทศต้องลงจอดหรือเปลี่ยนเส้นทาง เพื่อให้เครื่องบินโดยสารเพียงลำเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้บินต่อไปบนน่านฟ้าสหรัฐฯ เครื่องบินลำนั้นเดินทางจากซานดิเอโกไปยังไมอามี เพื่อนำเซรุ่มแก้พิษงูไปช่วยชายคนหนึ่งที่ถูกงูพิษร้ายแรงกัด และมีเครื่องบินรบเจ็ต 2 ลำบินประกบไปตลอดทางเพื่อความปลอดภัย และวันนั้นเป็นวันแรกของการทำงานของหัวหน้าฝ่ายควบคุมการจราจรทางอากาศ เบน สไลน์นีย์
14 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 9/11
1.ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักร ทรงอนุมัติให้หน่วย Coldstream Guards แหวกธรรมเนียมปฏิบัติ โดยให้บรรเลงเพลงชาติสหรัฐฯ ระหว่างพิธีเปลี่ยนเวรยาม (Changing of the Guard) เพื่อปลอบขวัญชาวอเมริกันที่ติดค้างอยู่ในลอนดอนจากการปิดสนามบิน
2.นักบินรบไร้กระสุนพร้อมสละชีพ ในวัน 9/11 มีเครื่องบินรบ 2 ลำขึ้นบินโดยไม่มีกระสุนจริง นักบินทราบดีว่าอาจต้องสกัดกั้นและพุ่งชนเครื่องบินที่ถูกจี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายบรรลุเป้าหมาย โดยจะต้องดีดตัวออกจากเครื่องในนาทีสุดท้าย
3.คำเตือนจากผู้นำการต่อต้านอัฟกัน อาเหม็ด ชาห์ มาซูด ผู้นำการต่อต้านชาวอัฟกันที่เคยต่อสู้กับโซเวียต และต่อต้านการตีความศาสนาอิสลามแบบหัวรุนแรง ถูกลอบสังหาร 2 วันก่อน 9/11 หลังจากที่เขาเตือนถึงการโจมตีของผู้ก่อการร้ายครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ

4.แคนาดาเริ่มปฏิบัติการ Yellow Ribbon เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบินพลเรือนที่มาจากสหรัฐฯ โดยแคนาดารับเครื่องบินที่ถูกเปลี่ยนเส้นทางถึง 255 เที่ยวบิน และจัดหาอาหารให้กับผู้โดยสารเหล่านั้น
5.ชุมชนมุสลิม Ahmadiyya บริจาคโลหิตจำนวน 11,170 ไพนต์ (เพียงพอที่จะช่วยชีวิตคนได้ 30,000 ชีวิต) ถือเป็นความช่วยเหลือแก่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ 9/11
6.ธนาคารเพื่อการลงทุนฟ้องสายการบินและชนะคดีช เพราะธนาคารต้องสูญเสียสูญเสียพนักงานถึงร้อยละ 75 ในเหตุการณ์ 9/11 ได้ฟ้องสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ในข้อหาประมาทเลินเล่อที่อนุญาตให้ผู้ก่อการร้ายขึ้นเครื่อง และชนะคดีได้เงินชดเชย 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
7."แฟรงก์ แอล. คัลเบิร์ตสัน" เป็นนักบินอวกาศชาวอเมริกันคนเดียวที่ไม่ได้อยู่บนโลกในระหว่างเหตุการณ์ 9/11 โดยเขาบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวจากสถานีอวกาศนานาชาติในขณะนั้น และต่อมาได้ทราบว่านักบินของเครื่องบินที่พุ่งชนเพนตากอนคือ ชาร์ลส์ เบอร์ลิงเกม เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาจากโรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ
8.อัลกออิดะห์ตั้งใจโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ตอนแรก แทนที่จะเป็นเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และเพนตากอน แต่ตัดสินใจไม่ทำเช่นนั้น เนื่องจากกลัวว่าสถานการณ์อาจ "ควบคุมไม่ได้"
9.เหตุการณ์ 9/11 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เพิ่มขึ้นอีก 1,600 คน เนื่องจากผู้คนเปลี่ยนแผนการเดินทางจากการบินเป็นการขับรถแทน
10.Sky News UK รายงานข่าวผิดพลาดในช่วงแรกว่า "ชายฝั่งตะวันออกทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาถูกทำลายล้างโดยการโจมตีของผู้ก่อการร้าย" ในวัน 9/11
11.การจัดเรียงชื่อในอนุสรณ์สถาน 9/11 ถูกจัดเรียงตามความสัมพันธ์ของบุคคล แทนที่จะเรียงตามตัวอักษร เพื่อรักษาความผูกพันของครอบครัวและมิตรภาพ และเพื่อแสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างผู้คนที่เปลี่ยนชีวิตซึ่งกันและกันในวันนั้น

12."ผู้นำที่ประณามการโจมตี" อย่างรุนแรง ได้แก่ ปธน.อียิปต์, ปาเลสไตน์, ลิเบีย, ซีเรีย, อิหร่าน และปากีสถาน มีเพียง ซัดดัม ฮุสเซน เท่านั้นที่กล่าวว่า "คาวบอยอเมริกันกำลังเก็บเกี่ยวผลจากอาชญากรรมของพวกเขาต่อมนุษยชาติ"
13.รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายค่าชดเชยรวมเป็นเงินราว7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับร้อยละ 97 ของครอบครัวของเหยื่อ 9/11
14.นอกจากชีวิตผู้คนแล้ว ภาพวาดของศิลปินชื่อดังอย่าง Pablo Picasso, Roy Lichtenstein, David Hockney และคนอื่น ๆ ที่จัดแสดงอยู่ที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ก็ถูกทำลายไปพร้อมกับตึก คิดเป็นมูลค่ารวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มาข้อมูล : 911digitalarchive.org, Diaspora messenger, Police Officer John William Perry, Muslims for life, NPR, The guardian, Jalopnik
อ่านข่าวอื่น :
นาซาพบร่องรอยสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร "ชัดเจนสุดเท่าที่เคยมีมา"
"จรูญเกียรติ" เร่งสางปัญหาวัดบางคลาน หลังยังพบอำนาจเก่าพยายามเกี่ยวข้องตั้งเจ้าอาวาส