ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กางไทม์ไลน์ ประชามติพร้อมเลือกตั้ง มีนาคม 69

การเมือง
13:27
178
กางไทม์ไลน์ ประชามติพร้อมเลือกตั้ง มีนาคม 69

การเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ 2 พรรคการเมือง ที่จะเดินหน้าตาม "MOA" ซึ่งทำไว้ร่วมกัน แต่ยังมีพรรคเพื่อไทย ที่แถลงการณ์ร่วมผลักดันด้วย

แต่พรรคเพื่อไทยมีข้อเรียกร้องให้ "รัฐบาลเฉพาะกิจ" วางไทม์ไลน์การขับเคลื่อนในช่วง 4 เดือนให้ชัดเจน เพื่อให้การทำประชามติเกิดขึ้น พร้อมการเลือกตั้งทั่วไป และเสนอให้จัดทำประชามติ ครั้งแรกกับครั้งที่ 2 พร้อมกันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเปิดทางไว้ 

4 เดือนอายุของรัฐบาลเฉพาะกิจ ถ้าจะเริ่มนับ 1 หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นวันที่ 16 ก.ย.นี้ จะครบวาระช่วงกลางเดือน ม.ค.ปีหน้า ดังนั้นไทม์ไลน์ "การจัดทำประชามติพร้อมการจัดการเลือกตั้ง" น่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือน มี.ค. แต่หน้าตาไทม์ไลน์จะเป็นยังไง ต้องเอากฎหมาย 2 ฉบับมาซ้อนกัน คือกฎหมายประชามติกับพระราชกฤษฎีกายุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่

คำนวณคร่าวๆ ถ้ารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ตาม MOA ถ้า 4 เดือน นับไปแล้ววันเลือกตั้งพร้อมจัดทำประชามติ น่าจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค.2569 หรือไม่ก็เป็นวันอาทิตย์ที่ 15 มี.ค.2569 

และตามกรอบเวลารัฐสภา ต้องเดินหน้าพิจารณา ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 "วาระ 1 และวาระ 2 ให้เสร็จภายใน 2 เดือนนับจากนี้ อย่างเร็ว 15 พ.ย. อย่างช้าสุดต้องไม่เกิน 15 ธ.ค.

ไทม์ไลน์ที่ว่านี้ไม่ใช่แค่ 2 พรรคที่ทำตาม MOA ลงนามกันไว้ ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ร่วมผลักดันด้วย โดยสัปดาห์หน้า ทั้ง 3 พรรค จะเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 พร้อมเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภา

สรุปว่านัดกันแล้วสัปดาห์หน้า 3 พรรค "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-พรรคประชาชน" จะยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ซึ่งแนบท้ายด้วย หมวด 15/1 ต่อรัฐสภา และเดินหน้าพิจารณาแล้วเสร็จ วาระ 1 กับ 2 ภายใน 2 เดือน

ซึ่งเดตไลน์สุดท้าย สำหรับวาระต้องให้ความเห็นชอบ ภายใน 15 พ.ย.2568 อย่างช้าสุดอยู่ที่ 15 ธ.ค.ปีนี้เท่านั้น ถ้าไม่ได้ตามนี้ก็จะไปกระทบกับกรอบเวลา ทั้งที่จะเลือกตั้งและจัดทำประชามติไปพร้อมกัน

จะว่ายากก็ยากตามข้อสังเกตว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2560 แก้ยากที่สุด เมื่อเทียบกับรัฐธรรมนูญในอดีตที่มีมา วาระแรกเห็นชอบ ต้องใช้เสียงมากกว่า "กึ่งหนึ่ง" ซึ่งมีนอกจากจะเป็นเสียงของ สส.3 พรรค + สว. 67 คน มากกว่า 346 เสียง จากสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ 691 คน แต่จังหวะที่ 3 พรรคจับมือกัน อาจไม่ยากเหมือนที่ผ่านมา

ผ่านวาระ 1 เข้าสู่การตั้งกรรมาธิการพิจารณาในรายละเอียดเสร็จ เข้าวาระ 2 ก็ต้องรอไว้ 15 วัน เพื่อทบทวนความเรียบร้อย จากนั้นรัฐสภาเปิดโหวตวาระ 3 ถ้าเสียงเดิมยังคงเป็นเอกภาพ และมากกว่า 346 เสียง ยังไงก็เข้าหลักเกณฑ์ ต้องมี สส.พรรครัฐบาล-พรรคฝ่ายค้าน ร้อยละ 20 และ สว.1 ใน 3

แต่หลังผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ต้องหยุดกระบวนการนำขึ้นนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย แล้วนำร่างฉบับนี้เข้าสู่กระบวนการจัดทำประชามติ พร้อมเลือกตั้งตามไทม์ไลน์ จากนั้นเอาไว้ได้สภาฯ ชุดใหม่-รัฐบาลใหม่ ไว้กลับมายืนยันตามเสียงประชามติ "เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ" ซึ่งยึดเสียงข้างมากตามกฎหมายประชามติฉบับใหม่

วาระนี้พรรคเพื่อไทย เองก็น่าจะพอเห็นว่า มีปัญหาอุปสรรคไม่น้อย จึงแถลงร่วมขับเคลื่อนเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยเรียกร้องให้ รัฐบาลวางไทม์ไลน์ให้ชัด พร้อมเสนอให้ ทำประชามติ ครั้งแรกกับครั้ง 2 ไปพร้อมการเลือกตั้ง ตามที่ ศาลรัฐธรรมนูญก็เปิดทางไว้

โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า อยากจะเรียกร้องพรรคการเมืองต่างๆ และเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ต้องมาช่วยกันคิดหาทางออกที่จะทำให้การจัดทำประชามติ 2 ครั้ง มารวมกันเป็นครั้งเดียวได้ ซึ่งทำให้ไม่สิ้นเปลืองเวลา และงบประมาณ 

ถ้าผลประชามติ "เห็นด้วย" รัฐบาลและสภาฯ ชุดหน้าก็จะได้เดินหน้า จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่าแต่บทแนบท้ายร่างแก้รัฐธรรมนูญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า "ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง" ไม่ได้

ข้อสังเกตจึงมีอยู่ว่า หมวด 15/1 กรณีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.จะออกมาหน้าตาแบบไหน หากต้องยึด "MOA" ที่เขียนว่า สสร.มาจากการเลือกตั้ง ได้อย่างไร

มีการตีความกันว่า ทางหนึ่งเลือกตั้ง สสร. ได้ เพราะ สสร. ไม่ใช่ "ผู้ร่าง" แต่จะแต่งตั้งจากคนนอกมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่าง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ หรือจะมี สส.และ สว.รวมอยู่ด้วย

อีกทางหนึ่งใช้วิธีเลือกตั้งทางอ้อมไหม ยึดรูปแบบ สสร.ปี 2540 เลือกตัวแทนจังหวัดและตัวแทนกลุ่มวิชาชีพจากประชาชน แล้วเสนอ รายชื่อต่อรัฐสภา แต่งตั้งเป็น สสร.และผู้ร่าง หรือเรียกว่า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ.

แก้รัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใต้รัฐบาลเฉพาะกิจ แทบจะเรียกว่า "ไฟลนก้น" หากมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นอย่าง ป.ป.ช. เคาะคดี 44 สส.พรรคก้าวไกลเดิมขึ้นมา "เสียง สส.พรรคประชาชน อาจจะหายไปครึ่งหนึ่ง" จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่เป็นไปตาม MOA ซึ่งนั่นไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยผิดข้อตกลงแต่เกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้

อ่านข่าว :

"สมคิด" ชี้แก้รัฐธรรมนูญใน 4 เดือน "คิดได้แต่ทำยาก"

เดินหน้าแก้ ม.256 หลัง ศร.ห้ามประชาชนเลือก สสร.

"ชูศักดิ์" นัดทีม กม.เพื่อไทย ถกปมจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 15 ก.ย.นี้