ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ไม่ต้องรีบเปิดด่านชายแดน หากกัมพูชายังขาดความจริงใจ

การเมือง
14:14
232
ไม่ต้องรีบเปิดด่านชายแดน หากกัมพูชายังขาดความจริงใจ

การประชุมจีบีซี ที่เกาะกง กัมพูชา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 แม้โดยภาพรวม จะมีข้อเจรจาและตกลงกันใน 5 ประเด็นสำคัญ คือถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหาร ความร่วมมือปราบแก๊งสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซนเตอร์ การบริหารกิจการชายแดน ประเดิมกรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และการเปิดผ่านแดนบางจุด เฉพาะรถขนส่งสินค้า

แต่ได้จุดกระแสความไม่พอใจของคนไทยจำนวนไม่น้อย ต่อท่าทีและข้อตกลงบางข้อ

โดยเฉพาะเรื่องเปิดด่าน แม้จะเป็นบางจุดและอยู่ในพื้นที่โซน 3 จันทบุรี และตราด ด้วยอ้างเป็นแรงกดดันจากประเทศที่ 3 คือ ญี่ปุ่น ที่ทำให้การค้าขายของพวกเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย ก่อให้เกิดทัวร์ลง “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อย่างหนัก กระทั่งต้องมีตัวช่วยในการแจกแจงว่า เป็นเพียงในเชิงหลักการเท่านั้น

เพราะเป็นผลจากความเคืองแค้น ที่เขมรปฏิบัติการโจมตีพื้นที่พลเรือนของไทย ในช่วงการปะทะ มีคนเจ็บคนตาย รวมทั้งเด็ก ต้องอพยพไปอยู่ตามศูนย์พักพิง บ้านเรือน สัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบ ทหารไทยเสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บหลายร้อยคน

และที่ออกลาดตระเวนไปเหยียบทุ่นระเบิดสังหารของเขมร ที่ลักลอบเข้ามาวางในพื้นที่ประเทศไทย กลายเป็นคนพิการ ครอบครัวสูญเสียผู้นำ สะท้อนให้เห็นความไม่จริงใจของฝั่งกัมพูชา

ละเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาหยุดยิง ขณะที่ 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ก่อนหน้านี้แสดงท่าทีแข็งกร้าว ให้ท้ายหนุนหลังปฏิบัติการของทหารเขมร ต่อมาได้พยายามเล่นในอีกบทบาทหนึ่ง คือเสนอให้ฝ่ายไทยเปิดด่านการค้าชายแดน ทั้งที่เคยประกาศไม่ง้อ ไม่นำเข้าสินค้าจากไทย สั่งการให้คนเขมรเดินทางกลับประเทศ

แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือการปิดด่านชายแดนกัมพูชา ผู้ที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนหนัก คือ คนเขมร เพราะสินค้าจำเป็นและน้ำมัน ต้องสั่งซื้อจากประเทศอื่น ที่มีต้นทุนและราคาแพงกว่าซื้อจากประเทศไทย การเปิดด่านในความรู้สึกของคนไทย เป็นเสมือนคืนปัจจัยหล่อเลี้ยงให้คนเขมร กลับมาแข็งแรง แล้วจะแว้งกัดคนไทยอีก

เรื่องเปิดด่านไทย-กัมพูชา ยังเป็นประเด็นที่ สส.บางคน อย่างนายนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน เรียกร้องนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เปิดด่านเร็วที่สุด โดยระบุว่า ประเทศไทยเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่ากัมพูชา เพราะไทยส่งออกไป 1.4 แสนล้านบาท แต่นำเข้าจากกัมพูชาแค่ 3 หมื่นล้านบาท ความเสียหายต่อวันสูงถึง 800 ล้านบาท ทั้งสำทับว่า แผ่นดินของประเทศไทยยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหนจากการถูกรุกราน

ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เคยปิ๊งไอเดีย จะเจรจากับรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อขอใช้เส้นทางในการส่งสินค้าไปขายให้กัมพูชา เนื่องจากไม่สามารถส่งขายโดยตรงผ่านด่านชายแดนได้ กระทั่งกลายเป็นสนามจอดรถทัวร์ไปแล้ว

ทั้งที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้แสดงจุดยืนเรื่องการปิดด่านชายแดน และตอกย้ำว่า จะปิดด่านกระทั่งเกษียณอายุราชการ เพราะทราบดีว่า กัมพูชาได้รุกล้ำพื้นที่ชายแดนไทยหลายร้อยครั้ง เท่ากับขาดความจริงใจ

แต่กลายเป็นว่า จุดยืนที่เด่นชัดทั้งด้านมิติความมั่นคงและความปลอดภัยของคนไทย กลับถูกแทรกแซงตลอด ตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน ที่ “ท่องคาถา” มาตลอดว่า การแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ต้องยึดแนวทางสันติวิธี

ไม่เพียงเรื่องเปิดด่านการค้าเท่านั้น ที่ทำให้หลายภาคส่วนไม่สบายใจ และไม่เห็นด้วยที่จะเร่งรีบเปิดด่าน แต่ควรต้องดูที่การกระทำและความจริงใจจากเขมร ที่ต้องแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรม และต้องใช้เวลาระยะหนึ่งด้วย ก่อนจะแน่ใจก่อน ไม่ใช่เร่งรีบ และโดยข้อจริงในอีกด้านหนึ่ง มีเรื่องผลประโยชน์มหาศาลซุกซ่อนอยู่ในการเปิดด่าน และการค้าชายแดน ผ่านเครือข่ายของกลุ่มผู้มีอำนาจของเขมรและบริวาร

ยังมีประเด็นอื่น ที่เป็นข้อเจรจาและตกลงกันในที่ประชุมจีบีซี ที่เกาะกง ก็ในทางปฏิบัติ ยังคงมีข้อกังขา ไม่ว่าจะเรื่องถอนอาวุธหนักจากแนวชายแดน แต่กองทัพภาค 2 กลับได้รับรายงานการเสริมกำลังและยุทโปกรณ์ของกัมพูชา เรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่กัมพูชาพร้อมร่วมมือเฉพาะพื้นที่โซน 3 ชายแดนจันทบุรีและตราด แต่ไม่ใช่พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ภาคอีสาน ซึ่งมีทุ่นระเบิดหนาแน่นที่สุด โดยเขมรอ้างว่า ต้องกลับไปหารือรัฐบาลกรุงพนมเปญก่อน

หรือเรื่องปราบแก๊งสแกมเมอร์ และแก๊งคอลฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ทางผู้มีอำนาจของกัมพูชาได้รับอานิสงส์ ขณะที่เรื่องบริหารจัดการพื้นที่พิพาท ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว กัมพูชาได้ใช้วิธีว่าจ้างและระดมคนเข้าไปปักหลักก่อกวนในพื้นที่ และไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ที่กำหนด

เพราะเป็นเรื่องหลักการและข้อตกลงบนโต๊ะเจรจา แต่ในทางปฏิบัติ เป็นที่ทราบกันดีว่า แตกต่างจากเรื่องทฤษฎีแทบจะจากหน้ามือเป็นหลังมือ

จึงไม่ควรผลีผลามตั้งแต่เรื่องเปิดด่านชายแดน

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว :