จากกรณีกระแสการอายัดบัญชีเงินฝากของประชาชนจำนวนมาก จนต่อมาคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เปิดให้ประชาชนแจ้งขอเพิกถอนการระงับวงเงิน ผ่านสายด่วน 1441
ต่อมานายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ โดยมีตัวแทนจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เข้าร่วมประชุม
ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า คณะทำงานได้กำหนดกลไกการพิจารณาตรวจสอบบัญชี แบบเร่งด่วนร่วมกัน เพื่อให้สามารถปลดล็อกบัญชีให้ได้อย่างรวดเร็ว และเฉพาะช่วงเช้าวานนี้ (14 ก.ย.) มีผู้ถูกระงับวงเงิน ติดต่อเจ้าหน้าที่มากกว่า 700 สาย ซึ่งได้รับการปลดล็อกไปแล้วเป็นจำนวนหนึ่ง แต่ก็พบว่า มีบางส่วนที่เป็นบัญชีม้า หวังใช้โอกาสนี้ขอปลดล็อก จึงยืนยันว่า คณะทำงานมีกลไกการคัดแยกประเภท
ส่วนกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบว่า บัญชีที่ถูกแจ้งอายัดเป็นการแจ้งโดยตำรวจ ศูนย์ AOC จะไม่สามารถดำเนินการปลดล็อกให้ได้ เพราะเป็นการอายัดตามพยานหลักฐานที่ตำรวจพบว่า ต้องสงสัยเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เจ้าของบัญชีจะต้องเข้าแสดงตัว และนำพยานหลักฐานเข้าไปชี้แจงกับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเองเท่านั้น
ขณะที่เดียวกัน ตำรวจ สอท.หนึ่งในหน่วยงานหลักทั้งงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัดบัญชี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนในช่วงนี้ ด้วยการเปิดสายด่วน รับเรื่องร้องรเรียนจากประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ประชาชนที่ถูกระงับวงเงินเป็นการชั่วคราว สามารถโทรแจ้งความประสงข์ขอปลดล็อกกับศูนย์ AOC ที่สายด่วน 1441 กด 2 และอีกช่องทางที่สามารถตรวจสอบและขอปลดอายัดบัญชีได้คือ สายตรง สอท.หรือ ตำรวจไซเบอร์ ที่เบอร์โทรศัพท์มือถือ 095-425-7478 และ 061-032-2914
อ่านข่าว : ธปท.นัดถก 14 ก.ย. ปรับแนวทางอายัดบัญชี บรรเทาผลกระทบ ปชช.สุจริต
"ธปท." แจงกรณี "ลูกค้าธนาคาร" พบยอดเงินในบัญชี "ติดลบ"
ตร.ไซเบอร์เพิ่มช่องทางโทรปลดอายัด เร่งแก้ปัญหาประชาชนได้รับผลกระทบ











