สุดสัปดาห์ที่ผ่านมากรุงลอนดอนของอังกฤษเผชิญการประท้วงครั้งใหญ่ของ 2 ขั้ว ในส่วนของฝ่ายขวา ซึ่งเป็นการประท้วงที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดในรอบหลายสิบปี หลังจากอังกฤษเผชิญการประท้วงประปรายที่จัดขึ้นโดยกลุ่มฝ่ายขวาเพื่อต่อต้านผู้อพยพอย่างต่อเนื่องมานานนับปี
ภาพการกระทบกระทั่งกันใจกลางกรุงลอนดอนเกิดขึ้นทั้งระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ และระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงด้วยกันเอง ซึ่งมาจากคนละกลุ่มความเชื่อทางการเมือง ประกอบไปด้วยกลุ่มขวาจัดที่ชูสโลแกน Unite the Kingdom เน้นประเด็นการสร้างความสามัคคีในประเทศ สนับสนุนเสรีภาพในการจัดการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็น ที่ตำรวจนครบาลลอนดอนประเมินว่ามีผู้ออกมาร่วมชุมนุมระหว่าง 110,000 - 150,000 คน
กลุ่มฝ่ายซ้ายพยายามออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน รวบรวมมวลชนได้เพียงประมาณ 5,000 คน ภายใต้การเคลื่อนไหวที่ใช้ชื่อว่า Stand Up to Racism เพื่อคัดค้านแนวคิดเหยียดเชื้อชาติของฝ่ายขวา
การประท้วงครั้งใหญ่นี้มีนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาที่มีชื่อเสียงจากหลายประเทศเข้าร่วมปราศรัย หนึ่งในนั้นคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก ที่ร่วมปราศรัยผ่านวิดีโอ โดยเตือนว่ากำลังจะเกิดความรุนแรงขึ้น พร้อมทั้งปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมต้องสู้ หากไม่สู้กลับก็จะต้องตาย
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มีแนวคิดทางการเมืองเอียงขวาในอังกฤษเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือเหตุจลาจล ที่เซาท์พอร์ตเมื่อปลายเดือนกรกฏาคม ปี 2567 หลังเกิดเหตุแทงหมู่ที่โรงเรียนสอนเต้นรำ
ข่าวเท็จที่สร้างความเข้าใจผิดว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ จุดกระแสต่อต้านผู้อพยพ จนนำไปสู่การประท้วงที่กระจายตัวในหลายเมือง ทั้งในอังกฤษ สกอตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งการไปรวมตัวประท้วงต่อต้านผู้ขอลี้ภัยยังเกิดขึ้นต่อเนื่องตามโรงแรมและบ้านพักที่ใช้เป็นศูนย์พักพิงต่าง ๆ กระทั่งถึงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะเกิดการประท้วงช่วงสุดสัปดาห์นี้
เหตุการณ์ซึ่งจุดชนวนความเกลียดชังผู้อพยพ ระลอกล่าสุดในอังกฤษ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค.2567 เมื่อผู้ก่อเหตุวัย 17 ปี แทงเด็กหญิงเสียชีวิต 3 คน
หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวเท็จว่าเขาเป็นผู้อพยพที่นับถือศาสนาอิสลาม ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาเกิดในคาร์ดิฟฟ์ เป็นลูกของพ่อแม่ชาวรวันดา แต่ข่าวเท็จดังกล่าวจุดกระแสความเกลียดชังชาวมุสลิมและผู้อพยพอย่างรุนแรงได้สำเร็จ จนนำมาซึ่งเหตุจลาจลในหลายเมือง มีผู้คนจำนวนมากที่มีแนวคิดเอียงขวา ออกมารวมตัวประท้วงและก่อเหตุรุนแรงทั่วอังกฤษและไอร์แลนด์เหนือ เกิดการโจมตีตามมัสยิดและธุรกิจห้างร้านที่มีเจ้าของเป็นผู้อพยพ
กระแสต่อต้านผู้อพยพและชาวมุสลิมในอังกฤษยิ่งได้เชื้อไฟจากปัญหาผู้อพยพที่ลักลอบเข้าเมืองผ่านการข้ามช่องแคบอังกฤษมาจากภาคพื้นยุโรป ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จนกลายเป็นภาระใหญ่ที่รัฐบาลต้องจัดการ

ข้อมูลตั้งแต่ปี 2563 จนถึง 10 ก.ย.2568 พบว่าตัวเลขผู้ที่ลักลอบข้ามแดนผ่านช่องแคบอังกฤษเข้าไปยังเกาะอังกฤษมีมากกว่า 180,000 คน ในจำนวนนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อปี 2565 หลังการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ข้อมูลตั้งแต่ปี 2561 - 2567 ระบุว่าผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องแคบ ร้อยละ 70 ถือสัญชาติอิหร่าน อัฟกานิสถาน อิรัก แอลเบเนีย ซีเรีย และ เอริเทรีย
เฉพาะในปี 2568 นี้ ปรากฏว่าแค่ในช่วงครึ่งปีแรก มีผู้ลักลอบเข้าเมืองมาแล้วมากกว่า 20,000 คน เมื่อเทียบกับปีอื่น ๆ จนเป็นไปได้ว่าปีนี้อังกฤษอาจได้เห็นจำนวนคนลักลอบเข้าเมืองเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งยิ่งจุดกระแสความกังวลและความไม่พอใจของประชาชนที่รัฐบาลต้องคอยรับภาระในส่วนนี้
ช่วงที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่นเดือนสิงหาคม ยังมีการประท้วงเกิดขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วอังกฤษ อย่างที่โรงแรมที่พักของผู้ขอลี้ภัยในเมืองเอปปิง หลังจากมีความพยายามขอให้ศาลออกคำสั่งไม่ให้ทางการใช้ที่นี่เป็นที่พักพิงผู้ขอลี้ภัย เนื่องจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกังวลเรื่องความเสี่ยงในการก่ออาชญากรรม จากเหตุล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นก่อนหน้า จนนำมาซึ่งการประท้วงต่อต้านนโยบายผู้อพยพของรัฐบาล และยังมีกลุ่มต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติออกมาชุมนุมคัดค้านอีกทอดหนึ่ง
ขณะที่นอกจากประเด็นอาชญากรรม กระแสต่อต้านผู้อพยพยังมีที่มาจากต้นทุนที่รัฐบาลต้องใช้อุ้มชูกลุ่มคนที่ลักลอบเข้าอังกฤษ ซึ่งจุดชนวนความไม่พอใจของประชาชนจำนวนมาก
ในแต่ละวัน ทางการอังกฤษต้องให้เงินค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับการซื้ออาหารและใช้ชีวิตของผู้ขอลี้ภัยถึง 7 ปอนด์ หรือประมาณ 300 บาท/วัน/คน ซึ่งข้อมูลจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชี้ว่ามีผู้ขอลี้ภัยที่ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหล่านี้อยู่กว่า 106,000 คน แม้ว่าบางส่วนที่พักในสถานที่ซึ่งมีการจัดหา อาหารให้แล้วจะได้เงินน้อยกว่านี้ก็ตาม
แต่ถึงอย่างไรงบประมาณที่รัฐบาลใช้เพื่อรองรับผู้ขอลี้ภัยเหล่านี้ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งเป็นประเด็นให้คนไม่พอใจ เพราะแม้ว่ารัฐบาลจะกันงบไว้ใช้สำหรับส่วนนี้แล้ว แต่หลายปีที่ผ่านมาก็ใช้งบเกินเพดานมาโดยตลอด คณะกรรมาธิการที่ติดตามผลกระทบจากโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ ยังวิจารณ์รัฐบาลอังกฤษว่าต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการดูแลผู้ขอลี้ภัยแต่ละคนมากกว่าชาติยุโรปถึง 3 เท่าตัว จากปัญหาค่าที่พักที่แพงลิบลิ่ว
ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ไม่แปลกที่ประเด็นผู้อพยพจะจุดติดกระแสฝ่ายขวาให้แรงขึ้นในสังคมอังกฤษจนเกิดเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ได้ ปัญหาผู้อพยพนี้เองที่กำลังทำให้คนในสังคมเอนเอียงเข้าหาแนวคิดขวาจัดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในลักษณะเดียวกับปรากฏการณ์ลูกโซ่ที่เคยเห็นในประเทศยุโรปอื่น ๆ ทั้งเยอรมนี ออสเตรีย รวมถึงที่สหรัฐอเมริกา จนนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากการผงาดขึ้นมามีอำนาจของขั้วการเมืองฝ่ายขวาด้วย
วิเคราะห์ : วินิจฐา จิตร์กรี
อ่านข่าวอื่น :
ผู้ต้องสงสัยสังหาร "ชาร์ลี เคิร์ก" ไม่ให้ความร่วมมือสอบสวน
"หลานม่า" คว้า 9 รางวัล - "วิมานหนาม" 5 รางวัล สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33