ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทนายวัดนาป่าพง ชี้แจง "พระคึกฤทธิ์" โอนเงินให้สีกาในเยอรมนี 12 ล.ตั้งมูลนิธิสร้างวัด

อาชญากรรม
16:26
5,075
ทนายวัดนาป่าพง ชี้แจง "พระคึกฤทธิ์" โอนเงินให้สีกาในเยอรมนี 12 ล.ตั้งมูลนิธิสร้างวัด
อ่านให้ฟัง
03:51อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ทนายความวัดนาป่าพง แจงยิบ "พระคึกฤทธิ์" โอนเงินไปเยอรมนีให้เพื่อจัดตั้งมูลนิธิเพื่อสร้างวัด ไม่ใช่โอนโดยเสน่หา พร้อมระบุโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวเพื่อสะดวกในการขอวีซา ยันไม่ได้ฟอกเงิน แย้มถูกร้องเรียนเหตุมีคดีฟ้องที่เยอรมัน พร้อมให้ตรวจสอบทางวินัยกรณีสีกา

วันนี้ (16 ก.ย.2568) เวลา 15.30 น. นายนันทน อินทนนท์ ทนายความ วัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นที่เป็นกระแสในขณะนี้ เกี่ยวกับยักยอกเงินและการฟอกเงินสุดท้ายมีการเชื่อมโยงข่าวนั้นมายังวัดนาป่าพง และพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง และอีกประเด็นที่มีความเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับสีกาที่มาอุปฐาก ในทำนองชู้สาว 

นายนันทน ระบุว่าสีกาที่มาปฏิบัติ มาอุปฐาก เป็นบุคคลที่มีตัวตนชัดเจน มีฐานะ มีชื่อเสียงในสังคม ได้มาเป็นอุปฐากอย่างเปิดเผยเป็นเวลานาน และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดทำพระธรรมคำสอนผ่านสื่อต่างๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมโยงเป็นวิดีโอเป็นภาพตัดต่อที่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ ที่มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษ

ข้อมูลทั้งหมดมีการเปิดเผยและนำแสดงในโซเชียลเป็นเวลานาน วิดีโอที่จัดทำมีนับหมื่นชิ้น มีคนเข้าฟังกว่า 1 ล้านคนเป็นข้อมูลที่เปิดเผยมาโดยตลอด หากมีการใดที่ไม่เหมาะสม ผู้ดู ผูช้ม สามารถใช้วิจารณญาณตัดสินได้ด้วยตัวเอง ส่วนกระบวนการพระธรรมสงฆ์ พระคึกฤทธิ์พร้อมชี้แจงข้อมูลต่างๆ 

ส่วนความผิดในทางอาญา ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน มีความพยายามในการกล่าวหาว่าโอนเงินให้กับสีกาคนหนึ่งในประเทศไทย และโอนต่อไปยังต่างประเทศเพื่อเข้าบัญชีส่วนตัวพระคึกฤทธิ์

หลักฐานที่ปรากฏในออนไลน์ มีการโอนเงินจากบัญชีจากธนาคารหนึ่ง ในปี 2561 จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 12.2 ล้าน จากนั้นมีการโอนเงินจากสีกาไปยังประเทศเยอรมนี จำนวน 21 ครั้งเข้าบัญชีพระคึกฤทธิ์

หลักฐานการโอนเงิน อยู่ในมือวัดนาป่าพง และอาจารย์ไม่ได้ปฏิเสธ และถือสลิปไว้เอง การที่หลักฐานไปปรากฏในมือบุคคลที่ไปโพสต์ในโซเชียล เริ่มจากได้นำเรื่องสู่กระบวนการศาลเยอรมนี เพราะฉะนั้นไม่ใช่เอกสารที่มีการปิดบังใดๆ เลย เป็นเอกสารที่ถูกต้อง และทางวัดเห็นว่าข้อมูลนั้นสามารถเปิดเผยได้ทั้งฉบับ 

ย้อนเหตุผลในการโอนเงินไปยังเยอรมนีเริ่มต้นในปี 2561 ที่เป็นความต้องการของพระคึกฤทธิ์ที่จะเผยแพร่พระธรรมศาสนาในต่างประเทศ โดยวิธีที่จะดำเนินการคือต้องการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยมีศาสนิกชนที่ให้ความเคารพท่านเป็นจำนวนมากในต่างประเทศ ซึ่งวิธีการก่อตั้งวัดในต่างประเทศมีความสลับซับซ้อนยุ่งยาก ต้องดำเนินการแบบมูลนิธิ หรือองค์การกุศล

ในการก่อตั้งนั้นการดำเนินการต่างๆ จะต้องใช้ภาษาเยอรมนีในการติดต่อราชการ จึงต้องอาศัยบุคคลที่ความรู้ภาษา พระคึกฤทธิ์ ได้รวบรวมพุทธศาสนิกชนที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิ ได้แต่งตั้งผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในเยอรมนี และมีคนต่างประเทศอีกคนให้การช่วยเหลือ

โดยได้แต่งตั้งสีกาคนดังกล่าวให้เป็นรองประธานก่อตั้งมูลนิธิ ซึ่งได้ทำหนังสือมอบอำนาจในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน และธุรกรรมทางกฎหมาย และการดำเนินการนั้นต้องมีการแสดงรายการเสียภาษีให้ถูกต้อง ในเดือน มี.ค.2561 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจ ได้โอนเงินสกุลเงินไทยจำนวนหลายครั้ง

สีกาได้เปิดบัญชีในประเทศไทย และพระคึกฤทธิ์ได้ติดต่อญาติโยมที่มีจิตศรัทธา เพื่อรับบริจาคครั้งแรกกำหนดไว้ 6 ล้านบาท ซึ่งญาติโยมได้ทำหนังสือเป็นบริจาคพร้อมระบุวัตถุประสงค์ชัดเจนว่าเพื่อการก่อตั้งสมาคมพุทธวจนเยอรมัน โดยสีกาได้ลงลายมือชื่อชัดเจน โดยมีการดำเนินการ 4 ครั้ง มีการระบุบุคคลที่บริจาคชัดเจน 

ธุรกรรมต่อมา หลังได้โอนเงินแล้ว 12 ล้าน เป็นการดำเนินการโดยสีกาทั้งสิ้น โดยมีการรายงานให้วัดทราบเป็นระบุ

จากการตรวจสอบ ได้มีการโอนเงินจากธนาคารไปยังบัญชีต่างประเทศ 27 ครั้ง โดยเงิน 21 ครั้งได้โอนไปยังธนาคารที่เปิดไว้ในนามสมาคมพุทธวัจน ซึ่งในขณะนั้นสมาคมพุทธวัจนในเยอรมันยังก่อตั้งไม่แล้วเสร็จ  

สมาคมก่อตั้งขึ้นก่อนการก่อตั้งมูลนิธิ การเบิกเงินครั้งแรกภายใต้บัญชี พุทธวัจน EV (สมาคม) จากการตรวจสอบมีการโอนเงินเข้าบัญชี 2 ครั้ง แต่ไม่ครบถ้วนทั้ง 12 ล้าน หลังจากนั้นมีการแนะนำให้พระคึกฤทธิ์ มีการเปิดบัญชีส่วนตัวที่เยอรมันจริง โดยตามแนะนำสีกาอ้างว่า ในการขอวีซาจะต้องมีหลักฐานการเงินเป็นหลักแหล่ง รวมถึงได้แนะนำพระติดตามอีก 2 รูป ด้วย เพื่อสามารถเดินทางและขอวีซาได้โดยง่าย และนอกจากนี้การเปิดบัญชีส่วนตัวเพื่อการรับค่าวิทยากร ในขณะนั้นเกิดปัญหาพระคึกฤทธิ์และกลุ่มผู้ติดตาม มีข้อสงสัยว่าเหตุใจพระอาจารย์ต้องเปิดบัญชี และจำนวนเงินถูกต้องหรือไม่ จึงเกิดข้อถกเถียงกัน

หลังจากนั้นโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวพระอาจารย์ ส่วนยอดเงินกำลังตรวจสอบ ก่อนที่สีกาจะทำการปิดบัญชีในนามสมาคมฯทันที ทำให้ธนาคารเกิดความสงสัยถึงการโอนเงินและปิดบัญชีในลักษณะอันสั้น จึงเข้าข่ายการฟอกเงิน

อัยการเยอรมนีจึงทำการสอบสวน และได้มีอายัดเงินที่อยู่บัญชีส่วนตัวไว้พร้อมกัน หลังจากนั้นวัดได้ดำเนินการชี้แจง นำส่งหลักฐานต่างๆ สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง

ในช่องเวลานั้นเอง มูลนิธิอยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้าง จึงต้องได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่รับรองลงลายมือชื่อ เมื่อได้ทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินจึงไม่ลงลายมือชื่อ หลังจากนั้นพระอาจารย์ได้ติดต่อไปยังพื้นที่ที่ก่อตั้งมูลนิธิ ว่ามีที่มาถูกต้อง จึงนำเรื่องส่งรัฐบาล และประธานาธิบดีลงนามก่อตั้งมูลนิธิจนสำเร็จ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้มีการให้โอนเงินทั้งหมดในบัญชีที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาอยู่ที่บัญชีกลางธนาคารท้องถิ่น ในประเทศเยอรมนี ในระยะสั้นๆ

ในวันที่ 19 ก.พ.2562 มูลนิธิสร้างแล้วเสร็จ หลังจากนั้นในวันที่ 1 มี.ค.2562 ได้มีการโอนเงินตั้งต้น 210,000 ยูโร เข้าบัญชีมูลนิธิพุทธวัจน ทางมูลนิธิได้แต่งตั้งเป็นนิติบุคคลและได้มีการจดทะเบียนภาษี ด้วยอุปสรรคในการดำเนินการเผยแพร่พระพุทธศาสนาผ่านมูลนิธิ เงินตั้งต้น 210,000 ยูโร ยังอยู่ในบัญชีตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

นายนันทน ยังระบุว่า เงินทุนที่มาจากวัดได้มีการนำเข้าสู่มูลนิธิฯ ไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้ในประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนี้พระอาจารย์ได้โอนเงินให้สีกาเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการขอมูลนิธิฯ ต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่กลับพบว่าจำนวนเงินไม่ตรงกับการดำเนิน ได้ดำเนินการทางอาญากับสีกา และอัยการได้มีคำสั่งฟ้องแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอการสืบพยาน

คดีพิพาทระหว่างคดีอาญาและแพ่งในเยอรมนี ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการรอการพิจารณา คาดว่าศาลจะมีคำพิพากษาในเวลาไม่นานนัก

"กราบเรียนสื่อว่า นอกจากเอกสารมอบอำนาจ คือ เอกสารการแต่งตั้งความไว้วางใจ เป็นสัญญาที่พระอาจารย์แต่งตั้งสีกาคนในในเยอรมนี รวมถึงเอกสารที่นำมาเสนอ คือ มูลนิธิได้รับการแต่งตั้งจริงโดยมีหนังสือตราสารแต่งตั้ง มูลนิธิพุทธวจนในเยอรมนี และลงนามโดยประธานาธิบดีมลรัฐบาวาเลียเมื่อปี 62 หลังจากนั้น 10 วัน ได้มีการโอนเงิน 1.2 แสนยูโรเข้าไป ซึ่งบัญชีในเยอรมนีไม่มีการเคลื่อนไหว เอกสารที่มีเป็นของมูลนิธิพุทธวจนปี 68 เป็นภาษาเยอรมันยังไม่มีการแปลอย่างเป็นทางการจึงยังไม่ควรที่จะนำมาแสดง"

การค้นหาเอกสารของวัดเป็นไปด้วยความยากลำบากและมีเวลาจำกัด แต่มีความจำเป็นที่จะต้องแถลงข่าวเพราะมีความเรียกร้องจากฝ่ายตรงกันข้ามที่จะทำลายสาวกของพระศาสดา และมีความพยายามต่อเนื่อง 10 ปี ที่จะใส่ร้ายพระอาจารย์ และมีเสียงเรียกร้องจากสาธุชนที่ศรัทธาวัดและพระอาจารย์ จึงออกมาชี้แจงในวันนี้

ในฐานะทนายความ เห็นว่า แม้หลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แต่ก็เพียงพอที่จะชี้แจงให้เห็นว่า จำนวนเงิน 12 ล้านบาทที่โอนให้สีกาในไทยครั้งแรก บรรจุวัตถุประสงค์โดยชัดเจนไม่ได้โอนโดยเสน่หาไม่มีการวางแผนให้นำเงินเข้าบัญชีโดยส่วนตัว หรือ ฟอกเงินในต่างประเทศหลักฐานที่ คือเงินโดยเข้ามูลนิธิและจัดตั้งมูลนิธิเป็นที่เรียบร้อย

"เมื่อมีปัญหาความไว้วางใจสีกา จึงทำหนังสือยกเลิกการแต่งตั้งเป็นผู้รับมอบอำนาจและผู้ที่ได้รับความไว้วางใจตั้งแต่ปี 2564 หลังจากนั้นจึงฟ้องคดีแพ่ง และเชื่อว่าเป็นสาเหตุว่าดำเนินการในการร้องเรียนในไทย ซึ่งการตั้งมูลนิธิฯ ในต่างประเทศลำบากต้องใช้คนที่ซื่อสัตย์สุจริต และไว้ใจ แต่ขณะนั้นเชื่อว่าสีกาคนนั้นจะไว้วางใจได้ ต่อมาจึงถอดถอนและผลในคดีแพ่งและคดีอาญาในเยอรมนีจะเป็นข้อบ่งชี้การดำเนินการของพระอาจารย์คึกฤทธิ์เป็นไปโดยสุจริตหรือไม่" 

อ่านข่าว : ตร.ส่งข้อมูล "พระ" วัดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ให้ ป.ป.ช.พิจารณา ชี้มูลความผิด

ทนายความสีกา มอบหลักฐานเส้นเงินวัดดังปทุมฯ ให้ ตร. 

ตร.พบ 9 คน เกี่ยวข้อง ข้อกล่าวหา "วัดนาป่าพง" เงินวัด - สีกา