วันนี้ (16 ก.ย.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ให้ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้ตรวจสอบและพบว่า มีมูลกระทำความผิด ในข้อหาเกี่ยวกับเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ม.157
พนักงานสอบสวน จึงส่งสำนวนไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาชี้มูลแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ ป.ป.ช.ว่า จะชี้มูลความผิดหรือไม่ ซึ่งกระบวนการต่อไปคือหาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด ก็ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.ว่าจะสอบสวนเองหรือจะคืนสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ดำเนินคดีต่อ เพื่อสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง
"ทนายอนันต์ชัย" ชี้ อาจเข้าข่ายผิด ม.147-ม.157
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผยว่า ตัวเองได้รับการประสานจากทนายความและผู้เสียหายเพื่อให้เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นให้สาธารณชนรับรู้ข้อมูลเพื่อกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เมื่อตนเองตรวจสอบเอกสารหลักฐานพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางการเงินโดยรูปแบบการโอนเงินจะส่งต่อเป็นทอด ๆ จากประเทศไทยไปยังประเทศเยอรมนี โดยผ่านบัญชีผู้เสียหายและมูลนิธิฯก่อนจะไปสิ้นสุดที่บัญชีเจ้าอาวาสวัดซึ่งเปิดไว้ที่ประเทศเยอรมนี
จากพฤติกรรมรวมถึงหลักฐานต่าง ๆ ส่วนตัวมองว่า หากตำรวจสืบสวนสอบสวนพบว่า เจ้าอาวาสวัดกระทำผิดจริง ความผิดที่เกิดขึ้นก็จะเข้าข่ายเป็นความผิดในข้อหาตาม ม.147 เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และ ม.157 เจ้าพนักงานที่กระทำหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งความผิดทั้ง 2 ข้อหานี้ยังเป็นความผิดมูลฐานในข้อหาฟอกเงินด้วย
ที่ผ่านมาผู้เสียหายรับหน้าที่โอนเงินจากประเทศไทยเข้าบัญชีของมูลนิธิเนื่องจากได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ดูแลมูลนิธิของวัดที่ตั้งขึ้นในประเทศเยอรมนี ประกอบกับมีความเลื่อมใสศรัทธาในหลักธรรมคำสอน
กระทั่งทางการเยอรมนีได้ตรวจสอบบัญชีและดำเนินคดีกับผู้เสียหายโดยระบุว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายยักยอกทรัพย์และฉ้อโกงร่วมกับเจ้าอาวาสวัดคนดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายรู้ตัวและทราบว่า มีการนำเงินจากมูลนิธิโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาสวัด
เบื้องต้นทางผู้เสียหายได้รวบรวมพยานหลักฐานชี้แจงกับทางการเยอรมนีจนสามารถหลุดพ้นข้อกล่าวหาได้ และเจ้าหน้าที่เยอรมนีแจ้งว่า ให้นำเอกสารที่ใช้ชี้แจงเข้าแจ้งความกับตำรวจในประเทศไทยเพื่อให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของเจ้าอาวาสวัด จึงเชื่อได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมาจากประเด็นเรื่องชู้สาว
อ่านข่าว : ทนายความสีกา มอบหลักฐานเส้นเงินวัดดังปทุมฯ ให้ ตร.
ตร.พบ 9 คน เกี่ยวข้อง ข้อกล่าวหา "วัดนาป่าพง" เงินวัด - สีกา
"วัดนาป่าพง" เตรียมชี้แจง ข้อกล่าวหา "เงินวัด-สีกา" วันนี้
ภายหลังมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ให้ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ว่า มีความโปร่งใสหรือไม่
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนบก.ปปป. ได้ตรวจสอบและพบว่ามีมูลกระทำความผิด ในข้อหาเกี่ยวกับเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 พนักงานสอบสวน จึงส่งสำนวนไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลแล้วตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของป.ป.ช.ว่าจะชี้มูลความผิดหรือไม่ ซึ่งกระบวนการต่อไปคือหากป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด ก็ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.ว่าจะสอบสวนเองหรือจะคืนสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนบก.ปปป.ดำเนินคดีต่อ เพื่อสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง
อ่านข่าว : ตร.พบ 9 คน เกี่ยวข้อง ข้อกล่าวหา "วัดนาป่าพง" เงินวัด - สีกา
"วัดนาป่าพง" เตรียมชี้แจง ข้อกล่าวหา "เงินวัด-สีกา" วันนี้
ทนายความสีกา มอบหลักฐานเส้นเงินวัดดังปทุมฯ มอบ ตร.