วันนี้ (17 ก.ย.2568) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย น.ส.ชยก จันทาทอง และนายพชร จันทรรวงทอง ร่วมรับมอบหนังสือร้องเรียนจากกลุ่ม สว.สำรอง นำโดยนายธนวัฒน์ ศรีสุจ และคณะ กลุ่ม สว.สำรองแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่อาจมีการแทรกแซงคดีการเมือง เช่น คดีเขากระโดง และคดีการฮั้ว สว. โดยระบุว่ามีความพยายามขัดขวางการสอบสวนพยานของดีเอสไอ ในพื้นที่ต่างจังหวัด จึงขอให้พรรคเพื่อไทยใช้กลไกทางรัฐสภาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
กลุ่ม สว.สำรอง ระบุว่า คดีฮั้ว สว. ไม่ใช่คดีทุจริตทั่วไป แต่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เนื่องจากมีองค์ประกอบพิเศษที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างรัฐและเสถียรภาพของประเทศ โดยมีการกล่าวหาว่ามีการจัดตั้งเครือข่ายเพื่อควบคุมอำนาจนิติบัญญัติและบริหาร ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 และ 114 ตามประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงอาจเข้าข่ายเป็นความพยายามล้มล้างการปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงบทบาทของ สว. ในการเลือกตั้งองค์กรอิสระ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นทำหน้าที่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นคดีฮั้ว สว. ซึ่งเป็นกระบวนการระดับชาติที่ได้รับความสนใจจากสังคม ในฐานะฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยพร้อมยืนเคียงข้างประชาชนและยินดีติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงคดีดังกล่าวหรือไม่
เมื่อถูกถามถึงบทบาทของพรรคเพื่อไทยในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ และการอภิปรายตรวจสอบนโยบายหรือคุณสมบัติของรัฐมนตรี นายอนุสรณ์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่ให้ความสำคัญกับการหารืออย่างรอบคอบในทุกการประชุม เพื่อกำหนดแนวทางการทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เหมาะสม บางกลุ่มในพรรคเห็นว่ามีประเด็นที่สามารถอภิปรายได้ในวันแถลงนโยบาย
อย่างไรก็ตาม ตามบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ระบุชัดเจนว่านายอนุทินได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการยุบสภา ไม่ใช่เพื่อบริหารประเทศ ดังนั้น การแถลงนโยบายควรชี้แจงไทม์ไลน์การยุบสภาอย่างชัดเจน หากมีการอภิปรายนโยบายอื่นอาจไม่สอดคล้องกับกรอบดังกล่าว
นายอนุสรณ์ ย้ำว่า การทำหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ยึดโยงกับความแค้นหรือความฝังใจในอดีต หากสามารถอภิปรายเพื่อให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการแถลงนโยบายได้ พรรคพร้อมดำเนินการ โดยจะต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาความเหมาะสมก่อน เพื่อให้การตรวจสอบถ่วงดุลเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการ
เมื่อถูกถามว่าการอภิปรายจะต้องเป็นมติของพรรคหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า อาจต้องมีการหารือเพิ่มเติมภายในพรรค แต่ทุกเวทีและการประชุมของพรรคเพื่อไทยได้ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อประโยชน์ของประชาชน
อ่านข่าวอื่น :
ทร.เปิดแผนที่ "ชายแดนตราด" ทหารกัมพูชารุกเขตไทย 17 จุด
แม่น้ำป่าสักเพิ่มสูง "หล่มสัก" เสริมกระสอบทรายจุดเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง