โดยมี “แม่ทัพภาคใต้” นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รองนายกฯ และรัฐมนตรีคมนาคม เป็นเจ้าบ้านให้การต้อนรับ พร้อมรอยยิ้มไม่ยอมหุบ
นับเป็นการแตกทัพมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังเผชิญกับมรสุมปัญหาภายใน ความความขัดแย้งเรื่องปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ ระหว่างกลุ่มนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค กับกลุ่มนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เนื่องจากชุดปัจจุบัน ถูกมองว่า เป็นคนในสายนายพีระพันธ์ เท่ากับกุมอำนาจในพรรคอยู่กลุ่มเดียว
กระทั่งมีข่าววงในว่า นายเอกนัฏ พร้อมนายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ได้ยื่นหหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ยังเป็น สส.และเป็นสมาชิกพรรคอยู่ รวมทั้งนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรค สะท้อนความขัดแย้งรุนแรงเกินกว่าจะประสานเจรจา
ไม่เพียงเท่านั้น พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังมี “กลุ่ม 16” ที่นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น ว่าที่รองนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้แสดงท่าทีแตกตัวออกจากพรรคมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ช่วงฟอร์ม ครม.แพทองธาร ชินวัตร 1 / 2 ก็เชื่อว่า จะแยกแล้วแยกเลย ไม่กลับคืนพรรค
เป็นสัญญาณชัดเจนว่า พรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหวังส่ง “บิ๊กตู่” ไปต่อบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีก 1 สมัย ในการเลือกตั้งปี 2566 ได้เดินมาถึงจุดวิกฤตและเป็นทางตัน เพราะกลุ่มนายเอกนัฎ อดีตแกนนำ กปปส. และเป็นหนึ่งในคนใกล้ชิดของนายสุเทพ เทือสุบรรณ และมีคอนเนกชั่นกับกลุ่มอดีต สส.ภาคใต้ ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่น่าจะอยู่ร่วมงานกับนายพีระพันธุ์ต่อไป หากไม่มีผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองทำหน้าที่ประสาน
คำถามสำคัญที่ตามมาทันที คือ นายพีระพันธ์ และ สส.ในกลุ่มที่ยังสนับสนุน รวมทั้งทีมงานที่ไม่ได้เป็น สส. ซึ่งอาจมีไม่มากนัก จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เพราะนายพีระพันธุ์ ก็มีคำร้อง เรื่องแจกถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่นครศรีธรรมราช เมื่อปลายปี 2567 ว่าด้วยเรื่องการกระทำที่ผิดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างขั้นตอน ป.ป.ช.เรียกตัวไปรับทราบข้อกล่าวหา และเลื่อนมาไม่น้อยกว่า 2 ครั้งแล้ว ขณะที่นายพีระพันธ์ ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมไปยัง ป.ป.ช.เช่นกัน
ขณะที่ปมสำคัญ และจะเป็นเรื่องยากสำหรับการขับเคลื่อนพรรคการเมือง คือกลุ่มทุนพลังงานที่เคยให้การสนับสนุนตั้งแต่ สมัย พล.อ.ประยุทธ์ ดูจะเปลี่ยนใจไปสนับสนุนพรรคอื่น มีการเปิดตัวและออกรอบตีกอล์ฟร่วมกัน มีโพสต์ภาพผ่านสื่อและโลกออนไลน์ เป็นที่ปรากฏชัด สอดคล้องกับกระแส ให้มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีพลังงาน ที่นายพีระพันธุ์นั่งมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แต่ประเด็นนี้ ได้รับการชี้แจงจากทีมงานว่า ต้นเหตุเป็นเพราะกม.ปฎิรูปพลังงาน 3 ฉบับ ที่นายพีระพันธุ์ผลักดัน ไปสะเทือนกลุ่มทุนสีเทา
ไม่เพียงเท่านั้น หากไปดูฐานเสียงสนับสนนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งปี 2566 ปรากฎชัดว่า พรรคได้ สส.เข้าสภาถึง 36 คน เป็น สส.เขต 23 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งสส.บัญชีรายชื่อที่ได้ถึง 13 คน จากคะแนนรวมของพรรคเกือบ 5 ล้านเสียง มาจากคะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ช่วยให้พรรคได้ สส.บัญชีรายชื่อ มากเป็นอันดับ 3 รองจากพรรคก้าวไกลขณะนั้น และพรรคเพื่อไทย และได้ สส.บัญชีรายชื่อมากกว่าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้อันดับ 3 อีกด้วย
เมื่อ “บิ๊กตู่” ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองและพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ทำให้เสถียรภาพและความเข้มแข็งของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับผลสะเทือนอย่างปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องปัญหาขัดแย้งในพรรค หรือแม้แต่การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี
ช่วงเวลานี้ จึงไม่เพียงจะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติเท่านั้น แต่จะหมายถึงจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ ของพรรคการเมืองที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ เป็นผลพวงและดีเอ็นเอของ “บิ๊กตู่” ว่า จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ อย่างไร
โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา แสดงการยอมรับและเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด แม้กระทั่งยอมลาออกจาก สส.เพื่อรับตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ กระทั่งนาทีสุดท้ายของการเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อ 30 มิ.ย.2566
หากไปต่อไม่ได้ เท่ากับฉากสุดท้าย สำหรับพรรคและคนที่เป็นดีเอ็นเอ “บิ๊กตู่” ได้มาถึงแล้ว
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : “กลุ่มชุมพร” ย้ายซบ ภท. "ชุมพล" รับปัญหาใน รทสช.ปมโหวตนายกฯ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: